เนชั่นฯ ประสานช่วยสาวเหยื่อค้ากามดูไบ พ้นขุมนรก

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2567 ทีมข่าวเนชั่นทีวี ได้รับการร้องเรียนจากย่า วัย 63 ปี ชาวจังหวัดลำปางว่า หลานสาว อายุ 21 ปี ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศดูไบ โดย ย่าได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.วังเหนือ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2567 ภายหลังหลานสาวเดินทางไปถึงดูไบ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2567 แล้วแชทกลับมาบอกว่าถึงดูไบแล้ว แต่เหมือนถูกหลอก โดนยึดพาสปอร์ต และบังคับให้ค้าประเวณี ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าหากบังคับให้ขายจริง จะยอมปลิดชีพตัวเอง ไม่ยอมค้าประเวณีเด็ดขาด

ต่อมา ทีมข่าวเนชั่นทีวี ได้ประสานเรื่องนี้ไปยัง สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย จนสามารถช่วยเหลือได้สำเร็จเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯ เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องได้ส่งทีมงาน และประสานไปยังนายธรรมเรศวร์ ลิ่มกุลพงษ์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ จ.ลำปาง  ลงพื้นที่ไปที่บ้านของย่าผู้เสียหายที่จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567

ขณะนั้น ทราบว่าน้องผู้เสียหาย สมัครใจไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ดูไบ แต่เมื่อน้องไปถึงปรากฏว่า มีการยึดพาสปอร์ต ถูกบังคับให้ค้าประเวณี เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้เป็นค่าเดินทางไปทำงานที่ดูไบ พอน้องรู้ว่าต้องค้าประเวณีน้องไม่ยอม จึงติดต่อคุณย่าว่าถูกหลอก ตอนแรกคุณย่าคิดว่าล้อเล่น แต่ถามไป ถามมา ไม่ใช่การล้อเล่น และน้องยังบอกอีกว่า หากถูกบังคับให้ค้าประเวณีจะปลิดชีพตัวเอง

จากนั้น น้องไปบอกหลาย ๆ คนว่า ไม่ได้สมัครใจมาค้าประเวณี ปรากฏว่า มีผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือ และพาน้องไปไว้ที่บ้านของเขา

ทั้งนี้ ระหว่างที่อัยการจังหวัด ลงพื้นที่ไปพบคุณย่าของน้องผู้เสียหาย ได้มีโทรศัทพ์โทรเข้ามาหาคุณย่าพอดี ซึ่งปลายสายเป็นชายคนที่ช่วยน้องออกมาจากร้านนวด ระบุว่า ให้โอนเงินค่าเครื่องบินไปให้ด่วน เพื่อพาน้องกลับ คำพูดเป็นการเร่งรัดให้โอนเงิน ในส่วนนี้ อธิบดีฯ ได้เน้นย้ำว่าห้ามโอนเงินเด็ดขาด เพราะน้องผู้เสียหายไม่มีพาสปอร์ตจะเดินทางได้อย่างไร หากผู้ให้ความช่วยเหลือหวังดีจริง ต้องแนะนำน้อง หรือพาน้องไปส่งที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ เพื่อขอความช่วยเหลือ จึงสงสัยว่าชายคนดังกล่าวตั้งใจจะช่วยเหลือจริง หรือ หวังสิ่งใดกันแน่ โดยชายคนนั้นอ้างว่า อยู่ที่ดูไบ มา 10 ปี ช่วยเหลือมาหลายเคสแล้ว หากไม่โอนค่าเครื่องบินมาจะไปส่งน้องที่เดิม หรือหากไปส่งน้องที่กงสุลแล้วเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รับรู้ด้วย ซึ่งคำพูดนี้ทำให้เราไม่สบายใจ

ต่อมาวันที่ 15 ส.ค.2567  เวลาประมาณ 13.00 น. เราได้ติดต่อไปทางท่านกงสุลใหญ่ ดูไบ พร้อมส่งเบอร์โทรศัพท์ของชายปริศนาให้ทางกงสุลใหญ่ เผื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อจะได้ช่วยในการติดตามตัวได้ กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ทางกงสุลใหญ่แจ้งว่าพบตัวน้องผุ้เสียหายแล้วอยู่ที่กงสุลใหญ่ดูไบ ซึ่งได้พาไปอยู่ในความดูแล ระหว่างทำเอกสาร เพื่อส่งตัวกลับประเทศไทย ทั้งนี้ ปฏิบัติการช่วยเหลือดังกล่าวหากช้าไป 1 วัน น้องอาจจะคิดสั้น ปลิดชีพตัวเองไปแล้ว

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะทำการสืบสวน คัดแยกว่า ผู้เสียหายเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ หรือ สมัครใจไป เพื่อดำเนินตามการขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่า หากเป็นเหยื่อจริง ทางการพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ และดำเนินคดีกับเครือข่ายค้ามนุษย์ให้ถึงที่สุด

ขณะที่ นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผอ.กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มีข้อมูลคนไทยสมัครใจไปทำงานนวดสีเทาที่ดูไบจำนวนมาก บางรายสมัครใจไปเอง แต่พอไปถึงปรากฏว่าเงื่อนไขไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ จึงพยายามหาทางกลับประเทศไทย 

อย่างไรก็ตาม ทาง พม.เองก็มีกระบวนการในการคัดแยกระหว่าง เหยื่อการค้ามนุษย์ กับผู้ที่สมัครใจไปเอง 

สำหรับการช่วยเหลือหญิงสาวชาวลำปางดังกล่าว ขณะนี้ อยู่ในความดูแลของกงสุลใหญ่ดูไบ โดยได้จัดหาที่พัก อาหารให้ ในระหว่างกงสุลดูไบ ออกเอกสารเดินทางฉุกเฉิน หรือ ETD เพื่อใช้เป็นเอกสารเดินทางชั่วคราว ในการเดินทางกลับประเทศไทย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากมีการพิสูจน์ หรือ คัดแยกโดย พม.แล้วยืนยันว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ จะมีเงินกองทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ถ้าเป็นการสมัครใจไปเอง ผู้เสียหายจะต้องรับผิดชอบชำระหนี้ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางไปที่ดูไบของสาวชาวลำปางวัย 21 ปี เกิดจากคำชักชวนจากคนรู้จักว่า ที่ดูไบ เขารับสมัครงานเป็นพนักงานร้านนวดรายได้ตั้งแต่หนึ่งพันบาท จนถึงหนึ่งหมื่นบาทต่อวัน และไม่ต้องหลับนอนกับแขก ซึ่งผู้เสียหายพยายามย้ำถาม ซึ่งทางร้านยืนยันว่าไม่ต้องหลับนอนกับแขก เป็นงานนวดสปาเฉยๆ จึงตัดสินใจไปทำงาน โดยมีนายหน้าออกค่าเดินทางให้ก่อนทั้งหมด ค่าใช้จ่ายประมาณ 75,000 บาท เดินทางจากประเทศไทยในวันที่ 5 ส.ค.2567 ถึงดูไบในวันที่ 6 ส.ค.2567 เมื่อไปถึงปรากฏว่างานไม่ตรงปก และถูกยึดพาสปอร์ต แถมทางร้านยังบอกอีกว่าหากไม่ขายตัวก็ไม่ได้เงิน ผู้เสียหายเลยพยามแชทขอความช่วยเหลือจากย่าที่ลำปาง สุดท้ายได้รับจากช่วยเหลือจากจนสำเร็จ จากความร่วมมือหลายฝ่าย โดยมีทีมข่าวเนชั่นเป็นผู้ประสาน