"พระพยอม" แจงเหตุไฟไหม้กุฏิวัด มีคลิปวงจรปิดยัน ไม่ได้ล็อกประตูขังเด็ก

23 พฤษภาคม 2567 จากกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้กุฏิพระในวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี คลอกเด็กเสียชีวิต 3 ราย เป็นเด็กแฝดวัย 11 ปี 1 คู่ และเด็กชายวัย 9 ขวบ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมา พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางวัดรับเด็กมาอุปการะดูแลหลายต่อหลายรุ่น เป็นเวลาเกือบ 30 ปี ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้มาก่อน เหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะเมื่อคืนเป็นวันวิสาขบูชา ทางวัดมีกิจกรรมฟังเทศน์ เวียนเทียน จนดึก จึงทำให้คนดูแลเด็กทำหน้าที่ดูแลเด็กไม่ทั่วถึง เด็ก ๆ จึงสบโอกาสลงจากเรือนนอน มาแอบเล่นกันที่กุฎิที่เกิดเหตุซึ่งเป็นกุฎิร้าง จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น 

พระพยอม ยังกล่าวอีกว่า มีข่าวบางสำนักนำเสนอด้วยข้อมูลที่บิดเบือนว่า ห้องถูกล็อกกุญแจจากด้านนอก ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทางวัดมีหลักฐานตั้งแต่คนดูแลวัดวิ่งไปหยิบถังดับเพลิง เข้าไปช่วยเหลือดับไฟในห้อง ถ้าประตูถูกล็อกด้วยกุญแจข้างนอกจริง ป่านนี้กุฎิคงไหม้วอดวายไปทั้งหมด ไม่สามารถเข้าไปฉีดดับไฟได้ทัน ทางวัดมีคลิปเหตุการณ์ยืนยันในเรื่องนี้ทั้งหมด แต่ข่าวที่นำเสนอไปผิดๆ ทำให้ทางวัดได้รับความเสียหาย

ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะวุฒิ แก้วมณี รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี รักษาการ ผกก.สภ.บางใหญ่ กล่าวว่า ในคืนที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งตำรวจได้ลงพื้นที่เกิดเหตุในทันที พร้อมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยมีผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ด้วยนั้น ในระหว่างนั้น ตนเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย เนื่องจากยังไม่ทราบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วออกมาจากจุดไหน จึงประสานการไฟฟ้ามาทำการตัดไฟ ก่อนจะรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ

แต่ปรากฎว่า มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งเกิดความไม่พอใจ ไม่เข้าใจในความหวังดีที่ตักเตือน พอไปเห็นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง เพื่อลำเลียงร่างของเด็ก จึงสันนิษฐานไปเองว่า มีแม่กุญแจล็อกประตูด้านนอก จึงต้องใช้อุปกรณ์ตัดกุญแจเข้าไปช่วยเหลือเด็ก ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย ใช้อุปกรณ์ตัดโครงสร้างกุฎิที่เป็นเหล็กออก เพื่อนำร่างเด็กออกมาจากทางด้านข้าง เพราะสะดวกกว่า ข่าวที่ออกมาว่า ทางวัดไปล็อกแม่กุญแจขังเด็ก จึงไม่เป็นความจริง 

แม่เด็กแฝด เผยคุยกับลูกก่อนเกิดเหตุเพียง 3 วัน 

ต่อมา นางเกษร อายุ 42 ปี แม่ของเด็กฝาแฝดที่เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ โดยเปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายฝาแฝดของตนอย่างมาก เพราะตนได้เจอลูกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย "แม่มาหาลูกแล้วนะแม่ไม่รู้ว่าลูกจะได้ยินเสียงแม่ไหม ถ้าได้ยินเสียงของแม่มาหาแม่ด้วยนะลูก แม่รู้สึกเสียใจมากประสบการณ์แบบนี้แม่ไม่เคยเจอ แม่ว่าจะมาหาลูกในวันที่ 8 มิ.ย. เดือนหน้าแต่สุดท้ายแม่ต้องมาเจอแบบนี้รู้ว่าลูกตาย ถ้าแม่ตายไปกับลูกได้แม่จะตายไปด้วย ถ้าถามว่าแม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไหม แม่บอกเลยแม่ไปไม่เป็น" 

นางเกษร กล่าวด้วยว่า ตนได้คุยกับลูกก่อนเกิดเหตุเพียง 3 วัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกับลูกอีกเพราะต้องทำงาน ตนมาทราบข่าวหลังทำงานออกมาตอน 6 โมงเช้า รู้สึกช็อกทำอะไรไม่ถูกเสียใจมาก ส่วนเรื่องศพลูกชายทั้ง 2 คนก็ต้องถามญาติๆ ที่เลี้ยงลูกว่าจะเอาศพไปทำพิธีที่วัดไหน ตอนนี้ตนตัดสินใจอะไรยังไม่ได้