12 ธันวาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีเหตุสลดพ่อ ลูกสาว และหลานรวม 5 คน ไปตักทรายริมลำน้ำมูลแล้วหายไป ญาติจึงออกตามหา กระทั่ง พบรถอีแต็กจอดอยู่ริมน้ำมูล ทั้งพบรองเท้า กระเป๋าของเด็กวางอยู่ด้วย แต่ไม่เห็นบุคคลที่สูญหายทั้ง 5 คน จึงได้แจ้งหน่วยกู้ชีพ และกู้ภัยทั้งในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ค้นหา
จนกระทั่ง พบร่างทั้ง 5 คน จมอยู่ภายในลำน้ำมูลบริเวณ ม.15 บ.โคกกลาง ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับ บ.ท่าเรือ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
ส่วนสาเหตุคาดว่าหลานๆ อาจจะลงไปเล่นน้ำแล้วถูกกระแสน้ำพัด สองพ่อลูกจึงลงไปช่วย แต่จุดเกิดเหตุน้ำลึก ทำให้จมน้ำเสียชีวิตทั้งหมด
ล่าสุดวันนี้ ผู้นำชุมในพื้นที่อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพลบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่พ่อลูกและหลานจมน้ำเสียชีวิตในลำน้ำมูลอีกครั้ง ก็พบลักษณะทางกายภาพบางจุดเป็นเนินทรายบางจุดเป็นร่องลึกจากกระแสน้ำไหล ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ
ขณะเดียวกัน นายอนุชิต เยี่ยมรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านท่าเรือ ยังได้ทดสอบลงน้ำตรงจุดที่เกิดเหตุพบบางช่วงเป็นเนินทราย แต่พอเดินต่อไปอีกนิดเดียวกลับเป็นร่องน้ำลึก ซึ่งในน้ำจะไม่ได้เป็นพื้นราบแต่เมื่อลงไปในน้ำจะไม่สามารถมองเห็นได้ว่าจุดไหนเป็นร่องลึก ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าเด็กๆ ที่ลงเล่นน้ำช่วงที่ลุงกำลังตักทรายอยู่บนสันตลิ่งลำน้ำมูล อาจจะตกลงไปในร่องลึกแล้วพ่อลูกซึ่งเป็นผู้ใหญ่จะลงไปช่วย จนทำให้จมน้ำเสียชีวิตไปด้วยกันทั้ง 5 คน ส่วนกระแสข่าวที่ว่าถูกทรายดูดนั้น จากการตรวจสอบแล้วไม่พบลักษณะของทรายดูดทรายดูดแต่อย่างใด
ขณะที่นายกฤษณศักดิ์ ศาลางาม ผู้นำชุมชนเขต อ.สตึก ระบุว่า สภาพบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่าบางจุดเป็นเนินทราย แต่บางจุดก็เป็นร่องน้ำลึก ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดจากกระแสน้ำไหล และช่วงน้ำขึ้นน้ำลด ทั้งคาดว่าคนที่พาหลานมาตักทรายและเล่นน้ำบริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเขาเอง 15 กม. อาจจะไม่คุ้นเคยกับสภาพลำน้ำมูลด้วย จึงทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
ซึ่งก็จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝั่ง อ.สตึก และ อ.ชุมพลบุรี ประชาสัมพันธ์พร้อมติดป้ายแจ้งเตือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก ส่วนที่ชาวบ้านมาตักเอาทรายตามริมมูลก็เป็นวิถีปกติ ซึ่งก็มีชาวบ้านมาตักไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนเรื่อยๆ เพราะเขาเอาไปปริมาณไม่เยอะและไม่ได้เอาไปขายหรือเชิงธุรกิจ ผู้ดูแลเขาจึงไม่ได้ห้าม