จากกรณี หน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมานำตัว ด.ช.บอมบ์(นามสมมุติ) วัย 14 ปี จากโรงพยาบาลจักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา เข้ารับการผ่าตัดด่วนที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา หลังถูกลูกดอกยิงปลา ยาวประมาณ 1 ฟุต เจาะกลางแสกหน้า ระหว่างคิ้วทั้ง 2 ข้าง ปักทะลุกะโหลกหน้าผากเข้าไปถึงสมอง เพื่อช่วยชีวิตฉุกเฉิน เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566
ต่อมาห้องช่วยชีวิตฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ประสานขอให้หน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา นำอุปกรณ์เครื่องตัดพลาสม่า (ตัดด้วยระบบลม) มาตัดลูกดอกบางส่วนออกก่อน เนื่องจากถูกลูกดอกปักกลางแสกหน้าเข้าไปเจาะกะโหลกลึกถึงสมอง แพทย์ไม่สามารถทำการผ่าตัดออกมาได้ หากทิ้งไว้นานอาจจะทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตได้ หลังจากตัดลูกดอกบางส่วนออกแล้ว แพทย์ได้เร่งนำร่างผู้บาดเจ็บเข้าเครื่องซีทีสแกน เพื่อประเมินอาการและวางแผนผ่าตัดเอานำลูกดอกออก
ล่าสุด วันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 แพทย์แผนกศัลยกรรมทางประสาทได้ใช้อุปกรณ์ผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดยไม่จำเป็นต้องเปิดกะโหลกศีรษะ และทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี สามารถดึงเอาลูกดอกออกมาได้ ส่วนอาการของ ด.ช.บอมบ์(นามสมมุติ) อยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว แต่เนื่องจากลูกดอกดังกล่าวไม่สะอาดและยังเจาะทะลุถึงเนื้อสมอง ทีมแพทย์จึงต้องเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้ ขณะนี้ ด.ช.บอมบ์(นามสมมุติ) ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่อาคารศัลยกรรมเด็กและสตรี โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีทีมแพทย์เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเยี่ยม
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้าน ด.ช.บอมบ์(นามสมมุติ) ใน ต.ศรีละกอ อ.จักราช จ.นครราชสีมา พบกับนายทองดี ทานกระโทก อายุ 70 ปี ปู่ของ ด.ช.บอมบ์(นามสมมุติ) โดยปู่เล่าให้ฟังว่า ช่วงวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา น้องบอมบ์ได้ออกไปหาปลาที่บริเวณคลองธรรมชาติใกล้บ้าน โดยนำอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นหน้าไม้สำหรับยิงลูกดอกที่น้องบอมบ์ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ติดตัวไปด้วย หลังจากนั้นไม่นาน น้องได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมา โดยมือซ้ายกำลูกดอกที่ปักติดกับหน้าผากของตัวเองเอาไว้ และอีกมือหนึ่งใช้บิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์กลับมาบ้าน ซึ่งระยะทางห่างกันกว่า 1 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ได้โทรหาพ่อให้นำตัวส่งโรงพยาบาลจักราช ตนเห็นหลานบาดเจ็บรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าน้องบอมบ์ยังมีสติขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้านเองได้ ถือว่า โชคดีเพราะลูกดอกที่ปักเข้าหน้าผากเป็นส่วนท้ายของลูกดอก ซึ่งไม่มีเงี่ยงและไม่คมมากนัก ถ้าเป็นทางหัวของลูกดอกจะมีความคมและมีเงี่ยง อาจทำให้หลานชายตนถึงแก่ชีวิตได้
นายทองดี เล่าอีกว่า น้องบอมบ์เป็นเด็กน่ารัก เรียบร้อย ขยันขันแข็ง ใช้ชีวิตแบบไทยพื้นบ้าน ชอบออกไปหาปูหาปลา ดักหนูอยู่เป็นประจำ อุปกรณ์ส่วนใหญ่ เค้าจะเป็นคนทำขึ้นเองทั้งหมด รวมไปถึงหน้าไม้ที่ใช้ยิงลูกดอกด้วย หลังจากนี้พ่อและแม่ของน้องบอมบ์ได้สั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับอุปกรณ์หรือเครื่องมือดักจับปลาทุกชนิด โดยหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะพาหลานชายไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ เพราะถือว่าเป็นผลกรรมที่ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ส่วนอาการล่าสุด หลานชายรู้สึกตัวแล้ว สามารถลุกนั่งพูดคุย และรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดต่อไป