ปธ. E-Sport โคราชวอนอย่าโทษเกม เหตุเด็ก 14 กราดยิง อีสปอร์ตเป็นอาชีพได้

ล่าสุด วันที่ 5 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเนชั่น ทีวี เดินทางไปพบ นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ หรือแชมป์ ประธานสโมสรอีสปอร์ต นครราชสีมา เพื่อสอบถามกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารว่าเหตุเด็ก 14 ปี กราดยิงในครั้งนี้ มีเกมส์เป็นต้นเหตุ ทำให้เด็กเกิดความก้าวร้าวนั้น 

ท้ังนี้ นายธนากร เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าสังคมจะมองเด็กเล่นเกมส์เป็นเด็กไม่ดี เป็นเด็กก้าวร้าว ส่งผลให้เด็กที่ตั้งใจจะพัฒนาฝีมือการเล่นเกมส์ไปสู่การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตอย่างจริงจัง ถูกกีดกันจากผู้ปกครองและสังคมรอบข้าง จนทำให้วงการกีฬาอีสปอร์ตในประเทศไทยไม่เติบโต เพราะล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เด็กไทยก็ได้ไปสร้างชื่อเสียงด้วยการคว้าเหรียญทองกีฬาอีสปอร์ต ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศจีนมาแล้วด้วย แสดงว่าเด็กไทยมีความสามารถในกีฬาอีสปอร์ตสูงมาก เรื่องนี้ตนเชื่อว่าสังคมยังไม่เข้าใจว่าเด็กติดเกมกับกีฬาอีสปอร์ตต่างกันอย่างไร อยากให้สังคมและผู้ปกครองแยกแยะระหว่างเด็กติดเกม กับเด็กเล่นเกมเป็นกีฬาอีสปอร์ต 

"เด็กติดเกมส์จะเล่นแบบไม่มีระเบียบวินัย ไม่กิน ไม่นอน โดยที่ผู้ปกครองไม่มีการควบคุมดูแลหรือให้การสนับสนุนอย่างถูกต้อง ขณะที่เด็กที่เล่นเกมส์เป็นกีฬาอีสปอร์ต จะเป็นเด็กมีระเบียบ มีวินัย มีน้ำใจนักกีฬา และมีการพัฒนาฝีมือแบบเป็นขั้นตอน รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองอย่างถูกต้อง ดังนั้นถ้ามองให้เป็นกลาง ทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้ามองถึงโอกาสของเด็กไทยในเวทีโลก ถือว่ากีฬาอีสปอร์ตเป็นโอกาสทองของเด็กไทยเลยทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันนี้ทั่วโลกให้การยอมรับกีฬาอีสปอร์ตกันหมดแล้ว โดยเฉพาะบางเกม เช่น เกมฟีฟ่า และเกม ROV ซึ่งมีทัวร์นาเม้นใหญ่ๆ ตลอดทั้งปี แต่ละทัวร์นาเม้นมีเงินรางวัลสูงมาก เหมือนกีฬาอาชีพดังๆ ทั่วโลก เพียงแต่ว่าประเทศไทยยังอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าเราได้รับการสนับสนุนที่ดี" นายธนากร เผยอีก

 

ประธานสโมสรอีสปอร์ต นครราชสีมา เผยว่า ตนเชื่อว่าจะสามารถสร้างเยาวชนเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพได้ไม่ยากเลย นอกจากนี้นักกีฬาอีสปอร์ตยังสามารถต่อยอดหาเงินจากหลายอาชีพ เช่น เป็นนักแคสเกม, สตรีมมิ่งออนไลน์, นักพากษ์, และผู้ฝึกสอน เป็นต้น ซึ่งอาชีพเหล่านี้ล้วนแต่สามารถสร้างเงินได้มหาศาลในยุคปัจจุบัน ส่วนที่หลายคนกังวลว่าการที่เด็กเล่นเกมส์ จะทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว ตนว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย เป็นเพียงแค่สมมติฐานเท่านั้น เพราะถ้าผู้ปกครองหรือสังคมรอบข้าง มีการสนับสนุนอย่างถูกต้อง ให้เขามีเป้าหมายที่ถูกต้อง มีการฝึกฝนพัฒนาอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้ภาพจำเหล่านี้เปลี่ยนไปแน่นอน