svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

"ตักบาตรขนมครก" สานต่อประเพณีเกือบ 100 ปี

วัดแก่นจันทร์เจริญ จับมือภาคีเครือขาย สานต่อประเพณี "ตักบาตรขนมครก" ที่ยังเหลืออยู่แห่งเดียว สืบทอดกันมานานเกือบ 100 ปี หวั่นสูญหายตามยุคสมัย

สมุทรสงคราม วันที่ 22 กันยายน 2566 ที่วัดแก่นจันทร์เจริญ นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดงานประเพณีตักบาตรขนมครก ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2473 ปัจจุบัน มีเพียงแห่งเดียวที่วัดแก่นจันทร์เจริญ ต.บางพรม อ.บางคนที โดยงานจะจัดขึ้นในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี  มีต้นแบบการจัดงานมาจากขนมเบื้องของพระราชพิธีในวัง ที่สืบทอดกันมาจนถึงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี โดยญาติโยมที่มาร่วมทำบุญจะซื้อขนมครก และน้ำตาลทรายจากพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือมาขายหน้าวัดแก่นจันทร์เจริญ นำมาถวายพระสงฆ์ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ชาวบ้านเกรงว่าประเพณีตักบาตรขนมครกจะสูญหายไปด้วย จึงได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อข้าวสารมาหมักค้างคืนไว้ พอรุ่งเช้าของวันใหม่ก็จะไปรวมตัวกันที่วัดแก่นจันทร์เจริญ ช่วยกันโม่แป้ง คั้นน้ำกะทิ ทำขนมครก นำไปตักบาตรถวายพระสงฆ์ พร้อมกับน้ำตาลทรายถวายคู่กัน เนื่องจากพระบางรูปชอบหวาน จึงมีน้ำตาลทรายให้มาด้วย "ตักบาตรขนมครก" สานต่อประเพณีเกือบ 100 ปี

"ตักบาตรขนมครก" สานต่อประเพณีเกือบ 100 ปี ทั้งนี้ ตามตำนานบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เล่าว่า ประเพณีตักบาตรขนมครก เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชายหญิงคู่หนึ่งชอบพอกัน ฝ่ายชายชื่อ “กะทิ” ส่วนฝ่ายหญิงชื่อ “แป้ง” แต่พ่อของแป้ง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่ชอบกะทิ จึงหาทางขัดขวางไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับลูกสาว และยังยกลูกสาวให้แต่งงานกับปลัดอำเภอหนุ่มจากกรุงเทพฯ และเมื่อพ่อของแป้ง รู้ว่ากะทิจะมาขัดขวางงานแต่งงานลูกสาว จึงขุดหลุมพรางไว้เพื่อดักฝังกะทิทั้งเป็น จนกลางคืนกะทิกับแป้งได้นัดพบกันและเกิดพลัดตกลงไปในหลุมพรางของพ่อแป้งทั้งคู่ ลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านนึกว่ากะทิตกหลุมพรางคนเดียว จึงนำดินมาฝังกลบทั้งคู่จนตายทั้งเป็น รุ่งเช้าผู้ใหญ่บ้านรู้เข้า เกิดความเศร้าโศกเสียใจ จึงสร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์แด่คนทั้งสอง ต่อมาชาวบ้านรู้ข่าวจึงเห็นใจในชะตาชีวิตของหนุ่มสาวคู่นี้ จึงนำขนมที่ทำจากกะทิและแป้งและเรียกว่า “ขนมคู่รักกัน” มาเซ่นไหว้ ต่อมาได้มีผู้เห็นว่าชื่อเรียกยาก จึงตัดเอาตัวอักษรแต่ละคำคือเอาตัว ค ควาย ร เรือ และ ก ไก่ มารวมกันจึงอ่านว่า “ครก” หรือ ขนมครกนั่นเอง 

"ตักบาตรขนมครก" สานต่อประเพณีเกือบ 100 ปี และเพื่ออนุรักษ์ประเพณีตักบาตรขนมครก ที่สืบทอดกันมานานเกือบ 100 ปี อบจ.สมุทรสงคราม จึงร่วมกับ จ.สมุทรสงคราม อบต.บางพรม ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม สำนักงานวัฒนธรรม จ.สมุทรสงคราม และชาวตำบลบางพรม จัดงานตักบาตรขนมครกขึ้นที่วัดแก่นจันทร์เจริญ ในวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 10 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 โดยจะมีเตาขนมครกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเตาถ่านกว่า 20 เตา มีการสาธิตการขูดมะพร้าวจากกระต่ายแบบโบราณ การโม่แป้งด้วยโม่หินแบบโบราณ การหยอด และการแคะขนมครกจากเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดแก่นจันทร์เจริญ งานเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป โดยเวลา 09.30 น.มีพิธีเปิดงานโดยนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม จากนั้นเป็นการตักบาตรขนมครก โดยมีพระสงฆ์วัดแก่นจันทร์ทุกรูปมารับบาตร ส่วนขนมครกที่เหลือจากพระฉันแล้วทางวัดได้แจกจ่ายให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้าน นำกลับบ้านฝากญาติพี่น้องรับประทาน เพื่อความเป็นศิริมงคล