ไฟไหม้ ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ประเมินเบื้องต้นเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

8 กันยายน 2566 จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ภายใน “ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา” สถานที่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชื่อดังระดับแนวหน้าของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออก หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง และลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่เป็นไม้ จนกลายเป็นทะเลเพลิงในช่วงพริบตา กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าพยายามเข้าไปเก็บของในร้านค้าของตัวเอง สุดท้ายทนความร้อนไม่ไหวต้องวิ่งหนีตายออกมาอลหม่าน 

ขณะที่รถดับเพลิงเมืองพัทยา และรถดับเพลิงของเทศบาลในพื้นที่ใกล้เคียง กว่า 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 300 นาย ระดมฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิง ใช้เวลานานเกือบ 4 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยขณะเกิดเหตุ นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เข้ามาอำนวยการดับเพลิงด้วยตัวเอง 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ด่วน! ยังคุมเพลิงไม่ได้ ไฟไหม้ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา จ.ชลบุรี
• อัปเดต เหตุไฟไหม้ ตลาดน้ำ 4 ภาค เมืองพัทยา ล่าสุด เพลิงสงบแล้ว

 

ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (8 ก.ย.66) บริเวณตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ได้ปิดบริการรับนักท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่ของตลาดได้ออกมาขอความร่วมมือกับผู้สื่อข่าวให้บันทึกภาพจากด้านนอก โดยมีการนำผ้าใบ (สแลน) มาปิดกั้นล้อมรอบทั่วบริเวณ  ส่วนสภาพพื้นที่ภายในหลังสิ้นสุดแสงเพลิง พบว่าโครงสร้างส่วนใหญ่เหลือแต่ซาก ถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก  

ทั้งนี้ ตลาดน้ำถูกแบ่งออกเป็น 4 โซน โดยจุดที่ถูกไฟไหม้หนักที่สุดเกิดขึ้นบริเวณโซนภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า ขายของงานฝีมือคนท้องถิ่น ร้านขายของกิน และร้านนวดแผนโบราณ 

ขณะเดียว ได้มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าหลายร้อยชีวิต ทยอยมาดูร้านค้าของตัวเอง ท่ามกลางความเศร้าเสียใจ เนื่องจากเข้าไปขนของออกมาไม่ทัน เพราะขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาปิดทำการแล้ว โดยรู้ข่าวว่าตลาดน้ำ 4 ภาค ถูกไฟไหม้จากโลกโซเซียล จากนั้นเมื่อพยายามรีบมาดูร้านของตัวเอง ก็พบว่าสินค้าภายในร้านถูกไฟเผาทำลายไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่ผู้บริหารของตลาดน้ำ 4 ภาค เตรียมจะแถลงข่าวในช่วงบ่ายของวันนี้ ส่วนการหาสาเหตุต้นเพลิง ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เขต 2 จ.ชลบุรี จะลงพื้นที่เก็บหลักฐาน เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงในวันนี้เช่นกัน 

นายพิสิษฐ สิริสวัสดินุกูล นายอำเภอบางละมุง เปิดเผยขณะเข้าตรวจพื้นที่เกิดเหตุว่า หลังจากได้พูดคุยกับผู้บริหารตลาด กำลังเปิดให้ผู้ได้รับความเสียหายประมาณ 70 ราย ยื่นคำร้องเพื่อพิจารณารับความช่วยเหลือ และเนื่องจากตลาดมีส่วนที่กำลังสร้างใหม่ด้วย จึงอาจย้ายผู้ประกอบการโซนที่ถูกไฟไหม้ไปยังส่วนดังกล่าว โดยเร่งการก่อสร้างให้เร็วขึ้น ขณะที่ทางประกันภัยและพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาในวันนี้ เพื่อตรวจสอบสาเหตุและดูความเสียหาย ทั้งนี้ พื้นที่เพลิงไหม้คิดเป็น 10-20% ของพื้นที่ทั้งหมด หากว่าเคลียร์ตรงพื้นที่ที่เสียหายเสร็จ ก็สามารถกลับมาเปิดตลาดน้ำได้ 

สำหรับความเสียหายเบื้องต้นประเมินว่าไม่ต่ำกว่า 50-60 ล้านบาท เพราะเป็นอาคารไม้ทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สิน ในจำนวนนี้เป็นร้านค้าประมาณ 30 ร้าน และร้านแบบรถเข็นอีกกว่า 30 คัน ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถบอกได้ เพราะผู้ที่เห็นเหตุการณ์เมื่อหันไปเจอก็พบว่าไฟไหม้แล้ว ซึ่งก็ต้องมีการสอบสวนกันต่อไป ส่วนความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้จากทางราชการ ต้องดูในรายละเอียดของระเบียบด้วย เพราะเป็นเหตุในพื้นที่ของเอกชน ต้องดูว่าช่วยเหลือในส่วนไหนได้บ้าง


ตร.กองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี ตรวจหาหลักฐานสาเหตุเพลิงไหม้ 


ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เจ้าของคดี พร้อมด้วย ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี และ เจ้าหน้าที่ วิศวกร ของทางตลาดน้ำ 4 ภาค ได้ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ บริเวณจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยเบื้องต้น ตำรวจได้เข้าไปเก็บหลักฐานสำคัญในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งมีการสอบสวน พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็น คนงาน และ รปภ. ช่วงกะกลางคืน ซึ่งให้การตรงกันว่า ต้นเพลิงเกิดจาก บริเวณร้าน แกะสลัก ไม้ และ อลูมิเนียม ซึ่งเป็นงานฝีมือของทางภาคเหนือ ซึ่งตั้งอยู่ข้างหอคอย โซนจัดแสดงสินค้าภาคเหนือ ก่อนเกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิด และ มีลูกไฟขนาดใหญ่ ก่อนจะลุกลามไปจุดอื่นอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถควบคุมเพลิงได้

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เป็นพ่อค้าในตลาด อายุ 37 ปี พยายามเข้าไปเก็บของในร้านตัวเอง แต่เกิดการสำลักควัน จนต้องถูกนำตัวส่ง รพ.เมืองพัทยา ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.หนองปรือ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้น กำชับให้พนักงานสอบสวน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พร้อมด้วย ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี เพื่อทำการสอบปากคำพยาน และ เก็บพยานวัตถุในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถสรุปได้ โดยต้องรอผลสรุปจากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงจะสามารถสรุปสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ว่าเกิดจากความประมาท หรือ เป็นเหตุสุดวิสัยทั่วไป