
จากกรณีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้นัดให้ ป.ป.ช. นำตัว นายอิทธิพล มาพบพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องคดี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10กันยายน 2551 ให้แก่ บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ บริเวณเชิงเขาพระตำหนักเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แต่นายอิทธิพล ไม่ได้เดินทางมาตามนัดหมาย พนักงานอัยการจึงแจ้งให้ ป.ป.ช. ผู้ร้องไปดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถนำตัว นายอิทธิพล มาส่งมอบให้กับทางพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายอิทธิพล ว่าจะเข้ามามอบตัว แต่จะต้องนำตัวนายอิทธิพล มาส่งฟ้องให้ได้ภายในวันศุกร์ที่ 8 กันยายน นี้ ไม่เช่นนั้นอายุความของคดี ซึ่งมีอายุความ 15 ปี จะสิ้นสุดหมดอายุในวันที่ 10 กันยายน 2566 และอาจจะไม่สามารถดำเนินคดีเอาผิดกับนายอิทธิพล ตามกฏหมายได้
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จะต้องนำไปพิจารณาต่อว่า คดีของนายอิทธิพล จะเข้าข่ายตามมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีการพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 หรือไม่ ที่ระบุว่า ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไป ในระหว่างการถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนี รวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ หากเข้าข่ายก็จะต้องมีการขอหมายจับเพื่อเอาตัวมาดำเนินคดีต่อไป เพราะยังถือว่าคดียังไม่หมดอายุความ
นายคำนึง กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ มีผู้ร่วมกระทำผิด และถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดรวมทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือกลุ่มผู้ออกใบอนุญาต มี 5 คน ซึ่งมีนายอิทธิพล รวมอยู่ด้วย และกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้อนุญาตให้ก่อสร้าง มี 5 คน โดยในคดีนี้กลุ่มแรกได้ถูกนำตัวส่งฟ้องไปแล้ว 4 คน ขาดนายอิทธิพล ที่ยังไม่มามอบตัว ส่วนกลุ่มที่ 2 อีก 5 คน ยังคงหลบหนี