svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

สุดทน! แก๊งโจร"เช่ารถหรู"ไปเมียนมา รีดค่าไถ่นับล้าน บุกร้อง มทภ.3 ช่วยเหลือ

07 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้ประกอบการรถเช่า ร้องแม่ทัพภาค 3 ช่วย ถูกมิจฉาชีพวางแผนขอเช่ารถหรู แล้วขับไปเมียนมา ก่อนรีดทรัพย์เรียกค่าไถ่รถนับล้านบาท กองทัพภาคที่ 3 พร้อมช่วย หารือผ่านที่ประชุม RBC และ TBC นำรถคืน

7 กรกฎาคม 2566 ผู้ประกอบการรถเช่า สุดทนถูกลักลอบนำรถเข้าไปเมียนมา เรียกค่าไถ่นับล้านบาท หลังหลอก"เช่ารถหรู" โดยที่ห้องรับรอง กองบัญชากองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก พล.ต.ประสาน แสงศิริรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 (มทภ.3)รับเรื่องร้องเรียนจาก กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจให้เช่ารถ ในนามส่วนบุคคลจำนวน 3 ราย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ว่าได้รับความเดือดร้อน และได้รับความเสียหาย จากกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำงานกันอย่างเป็นกระบวนการ

ทั้่งนี้กลุ่มคนร้ายมีพฤติกรรมมาติดต่อขอเช่ารถ โดยเลือกรถยนต์ โตโยต้า รุ่น Alphard ใหม่ป้ายแดง ซึ่งมีราคาแพง จากนั้นได้ขับข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมา เขตติดต่อ อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นถูกบุคคลที่เช่ารถรีดเรียกค่าไถ่รถคันละ 1.3 ล้านบาท บางรายถูกเรียกสูงถึง 1.6 ล้านบาท และในจำนวนนี้ได้ยินยอมจ่ายค่าไถ่ตามที่ต่อรองกับ มูลค่าคันละกว่าล้านบาท เพื่อนำให้ได้รถกลับคืนมาก็มี

“ขอให้ทางกองทัพภาคที่ 3 ใช้ช่องทางความสัมพันธ์เพื่อเจรจาช่วยเหลือเพื่อให้ได้รถกลับคืน พร้อมป้องปรามสกัดกลุ่มกระบวนการ ไม่ให้มาสร้างความเสียหายให้กับผู้ประกอบการไทย”

สุดทน! แก๊งโจร\"เช่ารถหรู\"ไปเมียนมา รีดค่าไถ่นับล้าน บุกร้อง มทภ.3 ช่วยเหลือ

ขณะที่ พล.ต.ประสาน แสงศิริรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้รับเรื่องไว้ เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเข้มงวดกวดขันการนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ข้ามฝั่งเมียนมา มาโดยตลอด

แต่เนื่องจากแนวชายแดนค่อนข้างยาว และมีท่าข้ามหลายจุดอาจทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามสกัดกั้นไม่ให้มีการนำรถข้ามไป มีการพูดคุยขอความร่วมมือไปยังฝั่งเมียนมา ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า (Regional Border Committee: RBC) และ คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee – TBC)  ใช้ความสัมพันธ์อันดีเจรจา หาทางนำรถคืนมา  

ด้าน นายฆนากร เชียงรัมย์ ผู้ประกอบธุรกิจให้เช่ารถ กล่าวว่า พฤติกรรมของคนร้ายเหมือนผู้มาเช่ารถทั่วไป ไม่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงใด ๆ ปรากฏให้เห็น ซึ่งความเสียหายของเราสูงมาก เพราะว่าเจาะจงเป็นรถ Alphard มูลค่าสูง

“เรามีวิธีการป้องกันความปลอดภัยในตัวรถอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว มี GPS ฝังในรถหลายตัว แต่สุดท้ายก็ยังโดนโจรกรรมอยู่ดี ผู้ประกอบการทุกรายพยายามติดตาม GPS แต่ก็พบว่าคนโจรกรรมเหมือนรู้ นำเครื่องแจมมาใช้ ทำให้สัญญาณถูกรบกวน สัญญาณหายGPS ทำให้ไม่สามารถติดตามรถได้”

นอกจากนี้คนโจรกรรมยังได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถใหม่ เพื่อความสะดวกและป้องกันการติดตามรถ จากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ขับรถผ่านไป กว่าผู้ประกอบการจะรู้อีกที รถก็ไปปรากฎ ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และข้ามฝั่งไปจอดในฝั่งไปแล้ว 
สุดทน! แก๊งโจร\"เช่ารถหรู\"ไปเมียนมา รีดค่าไถ่นับล้าน บุกร้อง มทภ.3 ช่วยเหลือ

น.ส.ศรัณยภัคร สุภัชชามนัสนันท์  เจ้าของบริษัท NGL เมอร์เซเดสเรนทรัลคาร์ล จำกัด กล่าวว่า ตนเองมีรถให้เช่ากว่า 10 คัน รถที่ถูกโจรกรรมไปเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่น Alphard  สีขาว ได้ติดตาม GPS มาที่อำเภอแม่สอด โดยพยายามหารายละเอียดทุกอย่าง โดยได้ข้ามไปฝั่งเมียนมาเองเพื่อดูรถ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไปดูแล้วไม่เจอ แต่เราก็มั่นใจว่ารถจอดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง 

"เราเช็กมาตรงตาม GPS ของเราแน่นอน จึงข้ามไปฝั่งพม่าเพียง 15 นาทีก็เจอรถเลย เช็กรายละเอียดเท่าที่ทำได้ โดยมีการเจรจาขอถ่ายรถคืน โดยฝ่ายนั้นได้ยื่นข้อเสนอมา ในราคา 1,040,000 บาท" 

น.ส.ศรัณยภัคร กล่าวอีกว่า มีการเจรจาขอร้องเขาทุกอย่าง เขาให้เวลาเราหาเงิน 3 วัน พอครบกำหนดนัด เขามายืนรอที่ท่าข้าม แต่เงินเราไปพอ ก็เจรจาอีกรอบ ได้เวลาในการหาเงินเพิ่มอีก 5 วัน จนหาเงินมาไถ่รถกลับคืน ในราคา 1,030,000 บาท ตอนนี้รับรถกลับคืนมาแล้ว ตรวจเช็กรถพบว่ามีการเปลี่ยนป้ายทะเบียน สภาพรถเขลอะไปด้วยขี้โคลน

จากนั้นได้นำรถไปแจ้งความที่ สภ. แม่สอด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบดูมีสิ่งผิดกฎหมายภายในรถซุกซ่อนไว้หรือไม่ แล้วก็แจ้งความว่า เราได้คิดตามรถที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยากลำบากที่จะนำรถที่ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนขนกลับกรุงเทพฯ ต้องผ่านด่านทหาร 4 ด่าน ถูกเรียกทุกด่าน ก็เลยนำเอกสารแจ้งให้เขาดูว่าเราถูกโจรกรรมรถและไปไถ่รถคืนมา  
สุดทน! แก๊งโจร\"เช่ารถหรู\"ไปเมียนมา รีดค่าไถ่นับล้าน บุกร้อง มทภ.3 ช่วยเหลือ
ขณะที่ นางสาวชลธิชา ชัยชิต บริษัท ลุกซ์ คาร์ เร้นท์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับรถของตนเองที่ถูกโจรกรรมไปนั้น เป็นรถ Toyota รุ่น Alphard สีขาว เช่นเดียวกัน ได้มีการเรียกร้องให้เราไปไถ่รถคืน ในราคาครั้งแรกที่ตั้งไว้ 1 ล้านบาท

แต่หลังจากที่เราไม่นำเงินไปถ่ายคืนสักที ทางกลุ่มมิจฉาชีพ ก็ได้เพิ่มค่าไถ่สูงขึ้นเป็น 1,300,000 บาท และล่าสุดขยับเป็น 1,500,000 บาท มีการถอด GPS ในรถของเราออกหมด ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะนำรถไปขายต่อหรือไม่ หรือนำไปให้ใคร

“ทางเราเชื่อว่ากระบวนการโจรกรรมรถน่าจะเป็นคนไทย นำไปขาย  3-4 แสนบาท แล้วมาเรียกค่าไถ่ จากเราเป็นหลักล้านบาท เพื่อเอากำไรก็เป็นไปได้”

สำหรับรถที่ถูกเรียกค่าไถ่ ถ้าซื้อรถถูกต้องตามกฎหมายของฝั่งโน้น อยู่ที่คันละ 1,200,000 บาท ไม่เกินกว่านี้ อยากเรียกร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูเรื่องการตรวจสอบเวลารถจะออกไปต่างจังหวัด ว่ารถติดไฟแนนซ์อยู่หรือเปล่า หรือชื่อผู้ครอบครองเป็นชื่อเดียวกับคนที่ขับมาหรือเปล่า อยากให้ตรวจสอบให้ละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำขึ้นอีก

ทั้งนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ มีกล้องวงจรปิด ที่สามารถใช้งานได้จริงๆทุกพื้นที่ แล้วอยากให้ผู้กระทำผิดได้รับการลงโทษตามกฏหมายให้ถึงที่สุด 

logoline