21 พฤษภาคม 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์แฉคลิปวงจรปิดขณะที่ครูชายคนหนึ่ง กำลังไล่เตะนักเรียนประถม พร้อมระบุข้อความว่า
"ข้าพเจ้า น.ส.... ครู คศ.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2566 เวลาประมาณ7.40 น. (หลังจากวันครู 1วัน)ได้ เกิดเหตุการณ์ครูดูแลหอพักนอนชายทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการทารุณกรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าพเจ้าทราบในการกระทำครั้งนี้ และมีส่วนร่วมในการปกปิดเรื่องนี้ การกระทำดังกล่าวทำให้เด็กนักเรียนต้องหลุดออกจากรระบบการศึกษาภาคบังคับไป
ข้าพเจ้าเอาเรื่องนี้มาเปิดเผยและพร้อมรับโทษทัณฑ์ที่กระทำผิดในทุกเรื่องที่ออก มาพูดในครั้งนี้เพราะหลาย ๆ เรื่องในหน่วยงานที่บีบบังคับให้ข้าพเจ้าต้องทำ เช่น เรื่องระบบอุปถัมภ์ของหน่วยงานตนเอง การเอาพวกพ้องมาทำงานโดยใช้เส้นสายไม่คำนึงถึงประโยชน์ของราชการ ระบบการคอรับชั่นที่ข้าพเจ้ารับไม่ได้ โดยเฉพาะ เรื่องที่มีกลุ่มคนอ้างว่าไปราชการแต่กลับนำเงินบริจาคของโรงเรียนไปร้านคาราโอเกะ อ้างอิงจาก 1 ใน 3 คนที่ได้หลุดพูดตอนมึนเมาว่า "เสียดายจังที่ครูไม่ได้ไปด้วย ทั้งจับ จก ล้วง" และอีก 1 คน ที่พูดว่า "จองโรงแรมไม่ได้นอนเพราะอยู่ยันตี 5" รวมถึงยังบอกเล่าถึงการเช็คบิลว่า ใช้เงินไป 15,000 บาท ซึ่งนั้นเป็นเงินนอกจากบัญชีกองทุนสนับสนุนของโรงเรียนหรือที่เรียกว่าเงินบริจาค
ข้าพเจ้าจึงยิ่งรู้สึกผิดที่ผู้ใจบุญร่วมบริจาคมาเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายกับนักเรียน แต่มีกลุ่มบุคคลที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ไปใช้จ่ายเพื่อปรนเปรอกิเลสตัณหาของตัวเอง ข้าพเจ้าจึงขอโทษทุกท่านที่ร่วมบริจาคด้วยจิตอันเป็นกุศล ข้าพเจ้าพร้อมที่จะโดนปลดออกหรือไล่ออกจากราชการแต่จะยืนยันว่าจะไม่ลาออกเด็ดขาด (นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ข้าพเจ้าไม่รู้จะเขียนบรรยายยังไงให้พอกับความเน่าเฟะของคน และความไม่โปร่งใสนี้รวมถึงการเลือกปฏิบัติต่อลูกน้อง ข้าพเจ้ายินยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งอนาคตหรือชีวิตเพื่อขอ ให้ระบบนี้มันไม่เน่าไปกว่านี้ ข้าพเจ้ารักในอาชีพครูแล้วก็พร้อมที่จะต้องไปเริ่มอาชีพใหม่ที่สุจริตด้วยเช่นกัน)
ส่วนการร้องเรียนหน่วยงานบังคับบัญชาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะได้รับความยุติธรรม เพราะ 1 ในบุคคลที่กระทำการดังกล่าวได้อ้างว่าตนเองมีความสนิทสนมเป็นอย่างดีโดยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน กับ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา และรู้ฉายาของกันและกันดี ข้าพเจ้าจึงหวังว่าท่านจะช่วยข้าพเจ้าในการส่งเสียงของข้าราชการครูผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสาย ให้เสียงนี้ดังไปถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ด้วยการช่วยข้าพเจ้าแชร์ลงเฟซบุ๊กของท่าน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ได้พบกับ ครูเพชร อายุ 31 ปี เป็นข้าราชการครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ทางครูเพชร ได้เปิดใจว่า เหตุผลที่ตัดสินใจนำเรื่องราวดังกล่าวออกมาเปิดเผยก็เพราะ หมดความอดทนกับระบบราชการ โดยเฉพาะระบบอุปถัมภ์ไม่มีปัญหาหลาย ๆ อย่าง รวมถึงความไม่เป็นธรรมต่างทางการเงินของโรงเรียน และที่รับไม่ได้และเป็นเรื่องใหญ่ คือ เรื่องครูอัตราจ้างคนหนึ่ง อายุประมาณ 27 ปี เป็นครูผู้ดูแลหอพักนักเรียนลงโทษนักเรียนโดยการทำร้ายร่างกาย กระโดดถีบ เตะ แม้ว่าสาเหตุจะมาจากนักเรียนเข้าไปขโมยขนม ก็ไม่ควรทำร้ายนักเรียนขนาดนี้ โดยน้องที่ถูกเตะเป็นนักเรียนชั้น ป.3 ตัวเล็กๆ หลังจากเหตุการณ์ทำให้นักเรียนคนดังกล่าวไม่กล้ามาโรงเรียนและร้องไห้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องหลาย ๆ เรื่องที่ทนเห็นไม่ไหว เช่น การนำเงินของโรงเรียนออกมาใช้จ่ายส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ครูเพชร ยังเปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะย้ายมาสอนที่โรงเรียนบนดอยแห่งนี้ ตนสอบบรรจุได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่อยากมาทำตามความฝันและอุดมการณ์จึงทำเรื่องย้ายมาเป็นครูบนดอย โดยโรงเรียนแห่งนี้นั้นเป็นโรงเรียนเล็กสอนระดับชั้น อนุบาล ไปจนถึง ป.6 มีนักเรียนประมาณ 100 คน ครู 9 คน นักเรียนส่วนใหญ่จะกินนอนอยู่ในโรงเรียนจะกลับบ้านก็ช่วงปิดเทอม และก็ยังมีความหวังกับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพครู และการศึกษาของไทย
ผู้ว่าฯเชียงใหม่ สั่งสอบพฤติกรรมครู ทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ
ต่อมา มีรายงานว่า นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่ง ผอ.สพป.ชม.3 สอบพฤติกรรมครู ทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเชียงดาว โดยขอให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบความผิด ต้องลงโทษตามระเบียบ และกฎหมาย เพื่อทำให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษา และขอยืนยันว่าเราไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงกับเด็กและเยาวชน
พร้อมชื่นชมคุณครู ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ไม่ปกปิด หรือนิ่งต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น ผมขอยกย่องท่าน ที่ปฏิบัติตนสมกับการเป็นข้าราชการครู