บีบหัวใจ! หนุ่มขี่พ่วงข้าง 400 กม. พาหมา 2 ตัวกลับอีสาน ใจสลายเมียหนีไปกับชู้

17 พฤษภาคม 2566 ที่ จ.ปราจีนบุรี เป็นเรื่องราวที่บีบหัวใจผู้ที่ได้ยิน โดยเฉพาะกับผู้ชายด้วย เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่หน่วยบริการประชาชน ตำรวจทางหลวงนาดี (วังมืด) ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จุดก่อนขึ้นภูเขาพลูหีบ


ได้มีชายหนุ่มรายหนึ่ง ขี่ จยย.พ่วงข้าง ยี่ห้อ suzuki สีดำ สภาพเก่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ภายในรถบรรทุกเครื่องมือก่อสร้าง และน้องหมาเพศผู้สีดำ 2 ตัว (ไม่บอกชื่อน้องหมา) ท่าทางซึมเศร้าเหม่อลอย ทั้งหมาและเจ้าของ มาจอดรถพักร้อนอยู่ริมถนน สายสุวิทวงศ์ (นาดี – ปักธงชัย) หรือ สาย 304 ฝั่งขาขึ้นไป อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 

 

สอบถามทราบชื่อ นายภานุวัฒน์ ยื้อลำ อายุ 44 ปี เป็นชาวบุรีรัมย์ ที่ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาที่พรั่งพรูว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้เดินทางไปทำงานที่พัทยา ชลบุรี เป็นผู้รับเหมารายย่อย ต่อเติมตามหมู่บ้านจัดสรร โดยเดินมาพร้อมกับภรรยา และเพื่อนผู้รับเหมา ที่คนบ้านเดียวกัน และที่รู้จักกัน ทำงานร่วมกันได้นานกว่า 1 ปีเศษ 

กระทั่งเมื่อ 7 วันก่อน รถกระบะ 4 ประตูของตน เพิ่งถูกไฟแนนซ์ยึดไป เพราะขาดส่งงวด จากนั้นเมื่อ 3 วันต่อมา ภรรยาที่เป็นเหมือนคู่ทุกข์คู่ยาก และเพื่อนผู้รับเหมา ได้มาส่งตนให้มาอยู่ที่หน้างาน และเมื่อรถกระบะของเพื่อนผู้รับเหมาจอดส่งตน ภรรยาก็ได้ยื่นกระดาษ หรือจดหมายน้อยที่พับไว้ให้ ก่อนขึ้นรถไปกับเพื่อนผู้รับเหมา และไม่ได้บอกว่าจะไปไหน

เมื่อรถเคลื่อนออกไปลับสายตา ตนได้คลี่กระดาษออกอ่าน เมื่อเห็นข้อความก็ถึงกับใจสลาย เพราะเป็นข้อความที่บาดใจ เป็นข้อความบอกลาของคนทั้งคู่ ที่ตนไม่สามารถพูดได้ และไม่อยากพูดถึง ตอนนั้นเงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว จึงตัดสินใจเก็บเครื่องมือก่อสร้างที่มีอยู่ ใส่รถ จยย.พ่วงข้าง เพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด 

 

นายภานุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนเสียใจจนพูดไม่ออก ไม่อยากพูดถึงภรรยา และเพื่อนผู้รับเหมาหรือชายชู้ ขอให้ทั้ง 2 คนไปสู่ประตูสวรรค์ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จากนั้นจึงตัดสินใจขี่ จยย. พ่วงข้าง พาสุนัขที่เลี้ยงไว้ 2 ตัว กลับบ้านด้วยกัน
 

นายภานุวัฒน์ กล่าวว่า ตนและภรรยา แต่งงานอยู่กิน จนมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ คนโตเรียนอยู่ ม.1 และคนเล็กเรียนอยู่ชั้น ป. 5 โดยตนออกเดินทางจากพัทยา มาได้ 2 วัน แล้ว ค่ำไหนก็นอนนั่น ขออาศัยนอนในวัด และขอข้าวก้นบาตรพระกิน ตลอดเส้นทางมีพระชาวบ้าน ให้ความเมตตาสงสาร สอบถามถึงที่มา-ที่ไป และให้เงินเติมน้ำมัน เพื่อวิ่งไปให้ถึงที่หมายภาคอีสาน ครั้งละร้อยถึงสองร้อยบาท เป็นระยะ ๆ คาดว่า น่าจะถึงบ้านในอีก 2 วันข้างหน้านี้ นายภานุวัฒน์ กล่าวทั้งน้ำตา