15 พฤษภาคม 2566 ที่ จ.ชัยภูมิ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พ.ต.อ.สมิต นันท์นฤมิตร ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จากชาวบ้านหนองหญ้ารังกา ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียน โรงเรียนบ้านหนองหญ้ารังกา ต.โพนทอง อ.เมือง จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.โพนทอง , เทศบาลเมืองชัยภูมิ , อบต.บ้านเล่า และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง ระดมรถดับเพลิงนับ 10 คัน เข้าควบคุมเหตุ
ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารเรียนครึ่งปูนครึ่งไม้ จำนวน 10 ห้อง ซึ่งใช้เป็นห้องเรียนของนักเรียนชั้น ป.2 , ป.3 , ป.4 และห้องเรียนของเด็กอนุบาลฯ ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2524 เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงระดมรถน้ำดับเพลิง เข้าควบคุมเหตุ ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
แต่อาคารเรียน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ท่ามกลางสายตาของเด็ก นักเรียน ครูอาจารย์ ผู้ปกครอง ที่ต่างยื่นดูไฟไหม้ข้าวของ อย่างหดหู่และเสียดาย
นายสุชิน ประสานพันธ์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านหนองหญ้ารังกา เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ เป็นวันเปิดเรียนปีการศึกษาใหม่วันแรก ขณะที่นักเรียนกำลังเลิก และกำลังจะทยอยเดินทางกลับบ้าน ได้มีเสียงเด็กนักเรียนร้องโวยวายว่า ไฟไหม้ปลั๊กไฟในห้องเรียนชั้น 2 พบว่า ไฟกำลังลุกไหม้แผงควบคุมสวิตช์ไฟ ในอาคารเรียน หลังจากนั้นเพลิงได้ลุกไหม้ ห้องเรียนของเด็กอนุบาล ครูต่างพากันพาเด็กนักเรียน วิ่งหนีออกจากอาคารเรียน พร้อมโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดับเพลิง
แต่เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงขอความช่วยเหลือ จากเทศบาลเมืองชัยภูมิ , อบต.บ้านเล่า และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง มาช่วยเหลือ แต่เนื่องจากสภาพอาคารเป็นไม้เก่า ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของ จำพวกสมุด อุปกรณ์การเรียนการสอนได้ จึงเสียหายทั้งหมด คาดมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
นายสุชิน กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะสภาพอาคารเก่าหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมา เพิ่งมีการปรับปรุงอาคารบางส่วน หลังจากนี้จะได้มีการวางแผน จัดสถานที่เรียนชั่วคราว ให้นักเรียนเรียน ไม่ให้กระทบการเรียนการสอน เพราะยังมีอาคารเรียนหลังใหม่ อีก 1 หลัง ที่ยังสามารถรองรับได้
ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน อาจไม่เพียงพอ ซึ่งจะได้เร่งสนับสนุนงบประมาณจัดซื้อใหม่ และฝากให้ผู้ใจบุญ ร่วมสมทบทุนบริจาคช่วยเหลืออีกทาง เพราะงบประมาณทางราชการอาจไม่เพียงพอ