โรงแรมเชียงใหม่ทำใจ ยอดจองห้องพักช่วงสงกรานต์ลดวูบ จากผลกระทบฝุ่นพิษ

7 เมษายน 2566 ที่ จ.เชียงใหม่ สถานการณ์ค่าฝุ่น PM2.5 ที่เกินค่ามาตราฐาน ติดต่อกันมาหลายเดือน และมีแนวโน้ม ที่จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงหมอกควันพิษ ที่ปกคลุมในตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่รอบนอก ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอย่างมาก

จากสถานการณ์ดังกล่าว นางละเอียด บุ้งศรีทอง ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผยว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM2.5 กระทบต่อธุรกิจโรงแรม และที่พักในจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก

โดยตั้งแต่เริ่มต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ปัญหามลพิษทางอากาศ หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ทำให้จากเดิมที่ตั้งเป้าว่า จะมีการจองห้องพัก ในช่วง เทศกาลสงกรานต์ ปีนี้  ไว้ร้อยละ 65 จากจำนวนห้องพักกว่า 50,000 ห้อง อาจจะทำได้แค่ร้อยละ 30 ถึงร้อยละ 40 เท่านั้น

หากจะเทียบกับปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งยังเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อัตราการเข้าพัก ก็น่าจะใกล้เคียงกับในปีนี้ แต่จะดีกว่าหรือน้อยกว่า ต้องรอดูสถานการณ์หลังจากนี้

 

นางละเอียด กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ยังไม่มีลูกค้าโทรมายกเลิกห้องพักที่จองไว้ คาดว่าลูกค้าน่าจะรอดูสถานการณ์ฝุ่นพิษของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ ประกอบกับในช่วงเดือน เม.ย. ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักท่อเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย

ซึ่งเมื่อมีข่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่อากาศเป็นพิษ นักท่องเที่ยวก็จะเลือกที่จะไปเที่ยวยังจังหวัดอื่น ๆ ที่มีอากาศสะอาดกว่า รวมถึงช่วงเดือน เม.ย. เป็นช่วงที่เริ่มจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของเชียงใหม่ มีเพียงกิจกรรมหรือเทศกาล ที่จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวมาได้ แต่ก็เจอหมอกควัน และฝุ่น PM2.5 เข้ามาขัด

สำหรับโรงแรมและที่พักในจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ สร้างความชุ่มชื่นภายในบริเวณที่พัก เพื่อลดผลกระทบ ต่อผู้ที่มาใช้บริการมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจตัวของนักท่องเที่ยว ที่หลังจากนี้อาจจะยกเลิกการจองห้องพัก หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

จะไปเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยว ตอนนี้ในช่วงที่อากาศเป็นพิษ ก็คงไม่ดี ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจยอมรับปัญหาหมอกควัน และฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาที่ใหญ่ระดับประเทศ เกี่ยวข้องกับทุกหน่วยงาน จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด ในปีนี้ได้แค่แก้ไขที่ปลายเหตุ คงต้องมองไปถึงปีหน้าว่า จะป้องกันที่ต้นเหตุได้อย่างไร

ขณะที่หน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์ในงานวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้ระบุว่า ข้อมูลการวิจัยจาก https://www.mdpi.com/2073-4433/7/11/141 ได้รายงานว่า ปัจจัยการปล่อย PM2.5 เฉลี่ยจากการเผาไหม้ของชีวมวลในป่าในธรรมชาติคือ 16.75 ± 2.76 g/kg หมายความว่าเผาชีวมวล 1 kg จะได้มวลของ PM2.5 ประมาณ 16 g หรือ 0.016 kg

ดังนั้นถ้า PM2.5 มีมวล 5,026,764.25 kg จะต้องเผาชีวมวล หรือเผาป่า 5,026,764.25 kg/0.016 kg เท่ากับประมาณ 314,172,765.62 kg หรือ 314,172.76 ตัน สรุปคือต้องเผาป่า 314,172.76 ตัน จึงจะทำให้ค่า PM2.5 สูงขึ้น 250 ug/m3 ทั้งจังหวัดเชียงใหม่