5 เมษายน 66 ที่ จ.ตาก ได้เกิดสถานการณ์การสู้รบ ระหว่าง กองกำลังปกป้องประชาชน หรือ พีดีเอฟ. ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านสภาทหารเมียนมา และกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู.พีซี. จำนวน 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้าไปปฏิบัติการทางทหารโจมตีทหาร บีจีเอฟ. ซึ่งเป็นกองกำลังพันธมิตร ของรัฐบาลทหารเมียนมา บริเวณเนิน 1153 จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านห้วยบง หมู่ที่ 8 ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ลึกจากแนวชายแดนไทย-เมียนมา 6 กิโลเมตร
โดยทั้งสองฝ่าย ได้ยิงกันด้วยอาวุธปืนเล็ก และอาวุธหนัก โดยฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมา สามารถยึดที่มั่นของฝ่ายบีจีเอฟ.ได้ จากนั้นได้เผาทำลายค่ายทหารฝ่ายเมียนมา จนราบคาบ ก่อนจะถอนตัวออกไป และขณะเดินทางกลับ ได้ปะทะกับทหารบีจีเอฟ.อีก ที่บริเวณบ้านทีโกทอ อ.เมียวดี จ.เมียวดี ทำให้ฝ่าย พีดีเอฟ. และฝ่าย กะเหรี่ยงพีซี.ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตหลายคน เช่นเดียวกันการปะทะจุดแรก ทหาร บีจีเอฟ.ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า มีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบทั้งเด็ก และผู้ใหญ่จำนวน เกือบ 3,000 คน ลี้ภัยสงคราม เดินข้ามแม่น้ำเมย เข้ามาเขตไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทย มีทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด และฝ่ายปกครอง ได้จัดระเบียบให้ผู้ลี้ภัย อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวหลายจุด จุดที่มากที่สุดคือ ท่าข้ามทางธรรมชาติของเจ้ไก่ บ้านห้วยบง ต.แม่กาษา อ.แม่สอด
การสู้รบครั้งนี้ สร้างความตื่นตระหนก ให้กับนักธุรกิจชาวจีน ที่ลงทุนอยู่บริเวณแนวชายแดนฝั่งเมียนมา ตั้งแต่ด้านตรงข้าม อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด ซึ่งหากฝ่ายต่อต้าน ได้บุกถึงพื้นที่การลงทุน จะต้องมีชาวจีนอพยพหนีภัยสงคราม ข้ามแม่น้ำเมย เข้ามาเขตไทยแน่นอน นอกจากนี้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีเสียงปืนใหญ่ดังมาถึงฝั่งไทย เช่นที่ อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด มาตลอด