
24 มีนาคม 2566 ร.ต.อ.สุรชัย โพสาราช รอง สว.(สอบสวน) สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุมีนักประดาน้ำของสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา เข้าไปในติดอยู่ในท่อสูบน้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย เหตุเกิดบริเวณสถานีสูบน้ำ ริมแม่น้ำป่าสัก ม.5 อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เพื่อสูบน้ำดิบส่งไปใช้ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ภายในบ่อพักน้ำ พบว่า กำลังเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ กำลังช่วยกันนำร่างของผู้เสียชีวิต 2 ราย ขึ้นจากบ่อพักน้ำ ที่มีความลึกว่า 10 เมตร
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตรายแรกคือ นายณัฐวุฒิ หรือตูน อายุ 25 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายคือ นายภานุ หรือออฟ อายุ 24 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างทั้ง 2 ส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และเจ้าหน้าที่ของสมาคมอยุธยารวมใจ
จากการสอบถาม นายกฤษฎา อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ประดาน้ำ ของสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา ที่รอดชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับการขอความช่วยเหลือจากผู้ประกอบการ เรือยนต์ลากจูงสินค้า ให้มาช่วยงมหาใบพัดเรือ ที่หลุดจากเครื่องยนต์ และจมหายไปในแม่น้ำป่าสัก หลังรับแจ้งจึงได้จัดกำลังนักประดาน้ำ พร้อมอุปกรณ์ ทำการดำน้ำ กลางแม่น้ำป่าสัก โดยใช้นักประดาน้ำ จำนวน 4 คน ซึ่งมี นายตูน ผู้เสียชีวิต ลงไปคนที่ 1 ตนเองเป็นคนที่ 2 ส่วนนายอ๊อฟ ผู้เสียชีวิตอีกราย ลงน้ำเป็นคนที่ 3 ส่วนนายอานนท์ ที่รอดชีวิตอีกคน ลงน้ำเป็นคนที่ 4
ทั้งนี้ ก่อนที่จะลงดำน้ำ ไม่ทราบเลยว่า บริเวณดังกล่าวมีท่อสูบน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในบริเวณที่มีการดำน้ำ และขณะกำลังดำน้ำ ได้ยินเสียงดังเหมือนเครื่องเรือวิ่ง จนกระทั่งตนเองและเพื่อนๆ ถูกดูดเข้าไปในท่อ โดยท่อดังกล่าวไม่มีฝาตะแกรงปิดปากท่อ ตนเองก็พยายามช่วยเพื่อนๆ ในทีมดำน้ำ โดยสามารถเอาตัวเองหลุดพ้นจากท่อมรณะดังกล่าวออกมาได้ พร้อมกับนายอานนท์ เพียงแค่ 2 คน ส่วนอีก 2 คน โชคร้าย ร่างได้หลุดเข้าไปในท่อ จนทำให้ขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิต
ด้าน นายอานนท์ อายุ 30 ปี นักประดาน้ำที่รอดชีวิต กล่าวว่า ตนเองลงดำน้ำเป็นคนสุดท้าย ซึ่งทุกคนจะมีเชือกผูกติดโยงกันเอาไว้ ขณะกำลังดำน้ำอยู่นั้น ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดัง คล้ายกับเครื่องยนต์บนน้ำผิวน้ำ และสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติ ครั้งแรกคิดว่ามีเรือยนต์ หรือเรือกลากจูงแล่นผ่านบริเวณจุดที่ดำน้ำ และเกรงว่าจะเป็นอันตราย หากขึ้นจากผิวน้ำ กระทั่งโผล่ขึ้นมาดูด้านบน แต่ก็ไม่พบอะไร จึงได้ดำกลับลงไปด้านล่างอีกครั้ง และพบว่า เพื่อนๆ ถูกเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ดูดเข้าไปด้านในแล้ว และตนเองถูกดูดเข้าไปด้วย แต่สามารถช่วยเหลือตัวเองออกมาได้
ส่วน นายตูน ผู้เสียชีวิต ที่ลงคนแรกได้พยายามสาวเชือกออกมาด้านนอก แต่อากาศในถังเกิดหมดเสียก่อน จึงทำให้เสียชีวิต ก่อนที่จะดำน้ำลงไป ทางทีมนักดำน้ำ ก็ไม่ทราบว่า มีสถานีสูบน้ำอยู่บริเวณดังกล่าว และไม่มีป้ายบอก หรือสัญลักษณ์อะไรที่แจ้งเตือน ดังนั้น จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ออกมารับผิดชอบด้วย และควรมีการติดตั้งป้ายให้ชัดเจน หรือสัญญาเตือนอันตรายบริเวณดังกล่าว
ผกก.นครหลวง เร่งตรวจสอบ "ท่อสูบน้ำมรณะ" กลืนชีวิต 2 กู้ภัย
ต่อมา เวลา 15.30 น. ที่สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา นายนาวิล นายกสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา พร้อมด้วยผู้บริหารสมาคม และครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เชษฐชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.นครหลวง เพื่อให้ข้อมูล และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับชอบสถานีสูบน้ำ
พ.ต.อ.เชษฐชัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับทางพนักงานสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า ที่เกิดเหตุเป็นสถานีสูบน้ำ โดยทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยา ได้รับการขอความชาวเหลือจากผู้ประกอบการเรือยนต์ลากจูง ให้มาช่วยดำน้ำค้นหาใบพัดเรือ ที่หลุดจากเครื่องจมหายในแม่น้ำป่าสัก
ทั้งนี้ ขณะที่กำลังดำน้ำ ได้ถูกเครื่องสูบน้ำ ดูดร่างนักดำน้ำเข้าไปท่อน้ำ ที่กำลังเดินเครื่องอยู่ในแม่น้ำป่าสัก โดยท่อสูบน้ำดังกล่าว ได้ดูดร่างเข้าไป จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งต้องของแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวผู้สูญเสียด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้ดูแลสถานีสูบน้ำในเบื้องต้น ทราบว่า ท่อสูบน้ำดังกล่าว มีความกว้างประมาณ 1.50 เมตร ซึ่งทางผู้รับผิดชอบจะขอตรวจสอบก่อนว่า มีความผิดปกติอะไรหรือไม่ เพราะสถานีสูบน้ำแห่งนี้ ก่อสร้างมานานแล้ว ต้องทำการตรวจสอบใต้น้ำว่า ท่อสูบน้ำมีความผิดปกติอะไรหรือไม่
ในส่วนของสถานีสูบน้ำ มีการติดตั้งป้ายเตือนหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวว่า โดยทางตำรวจจะขอสอบสวนอย่างละเอียดก่อนว่า เหตุที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุสุดวิสัย หรือความประมาท