
ความคืบหน้ากรณีแม่หนุ่มออทิสติก อายุ 29 ปี พาลูกชายเข้าร้องเรียนกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา เพื่อเด็กและสตรี หลังพาลูกชายไปฝากเลี้ยงที่บ้านรับเลี้ยงคนออทิสติก ย่านบางบัวทอง ค่าจ้างเลี้ยงดูเดือนละ 3 หมื่นบาท แต่ลูกกลับถูกทำร้ายทุบตีทารุณ ใช้มีดแทงหน้าอก ใช้สากกะเบือตีมือ จมูกผิดรูปหายใจไม่สะดวก ส่วนใหญ่จะให้รับประทานข้าวกับไข่เจียว ข้าวคลุกผงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อีกทั้งให้ลูกหยุดรับประทานยาประจำที่แพทย์สั่ง แม่สังเกตเห็นความผิดปกติรับลูกกลับมาอยู่บ้านมีอาการหวาดผวา ก้าวร้าว ต่อต้านคนในบ้าน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
18 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 15.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง, เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านซึ่งเปิดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กของครูเตย ปรากฏว่าครูเตยไม่อยู่บ้าน เจ้าหน้าที่รออยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งครูเตยกลับมาถึง เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้น ซึ่งทางครูเตยอนุญาตให้เข้าเฉพาะเจ้าหน้าที่ ผู้ปกครอง และเด็ก เข้าไปในบ้านได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป ระบุ รับไม่ได้กับข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ
ภายหลังการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารหลักฐานต่าง ๆ สากกะเบือ 3 อัน และมีดทำครัว 7 เล่ม เพื่อนำไปตรวจสอบว่าตรงกับที่ผู้เสียหายอ้างว่าถูกทำร้ายด้วยสากกะเบือและมีดหรือไม่ โดยจะตรวจหาร่องรอยจากของที่ยึดได้ในวันนี้ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีหากพบว่ามีการทำร้ายเกิดขึ้นจริง
โดย ครูเตย ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้าน มีการถ่ายรูป เก็บทุกอย่างที่เป็นมีดและสากกระเบือ รวมทั้งใบประกาศก็เอาไปหมด คงจะนำไปตรวจสอบ ซึ่งตนเองต้องเดินทางไปที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา ถามว่ากังวลไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ได้ทำเลยไม่กังวล อยากขอให้สังคมให้โอกาสเราบ้าง ให้เราได้มีจุดยืนบ้าง อย่างน้อย ๆ ตนเองไม่ได้เปิดเป็นศูนย์ เปิดรับเลี้ยงปกติธรรมดา ถ้าเปิดเป็นศูนย์ สภาพแบบนี้เปิดศูนย์ไม่ได้ และก็เป็นความพึงพอใจของผู้ปกครอง
วันนี้ตำรวจให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ทางแม่เด็กเแจ้งความดำเนินคดีไว้ พร้อมกับครูอีก 4 คน ก็อยากบอกแม่เด็กว่า เลี้ยงเหมือนลูกสุด ๆ แล้ว ตนเองไม่ได้ทำความเป็นครูก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน สังคมตราหน้าขนาดนี้ ก็ไม่ร้องขอ แค่เราทำเต็มที่ แต่บางทีบางเรื่องมันสอบถามกันได้ว่าอะไรยังไงดีกว่า ถ้าเป็นมุมของตน คนที่เป็นแม่ก็ควรมาสอบถามกับครูก่อน คุยกันก่อน แต่ก็เข้าใจมุมของแม่เหมือนกันที่ต้องทำแบบนี้
นางปวีณา กล่าวว่า วันนี้ทางตำรวจได้สอบปากคำคุณแม่เพิ่มเติม ทราบว่าตำรวจออกหมายเรียก จึงให้น้องไปชี้ที่เกิดเหตุ คงเป็นสิ่งของหรือของใช้ที่ถูกทำร้าย วันนี้ต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของตำรวจ ส่วนน้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ยังหวาดกลัวอยู่ แม่ต้องพาไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ไปไหว้พระที่วัดให้สบายใจขึ้น
ทางเราได้ประชุมกันว่า จะทำอย่างไรให้น้องกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติมากที่สุด ก็เลือกที่บ้านของน้องใน จ.อุบลราชธานี เพราะมีพื้นที่ มีเลี้ยงไก่ เลี้ยงสัตว์ วิถีชีวิตชนบท โดยทางมูลนิธิจะประสาน พมจ.เพื่อเข้าไปดูแลทางด้านคนพิการ เพื่อบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิต น้องเคยอยู่ชนบทแบบอิสระ ต้องมาอยู่บ้านสถานรับเลี้ยงที่ค่อนข้างแคบ อาจจะอึดอัด
ด้าน ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า วันนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่อายัดไปตรวจสอบจะเกี่ยวข้องกับคดีไหม เพราะต้องรอผลการตรวจสอบก่อน คดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องรอจนกว่าจะตรวจสอบหลักฐานทุกอย่างเสร็จ จึงจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ผิดถูกว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง ได้ประสานให้ผู้เสียหาย มาดูมีดที่ยึดมาจากบ้านครูเตย ว่า ใช่อาวุธที่ใช้ทำร้ายหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการะประกอบสำนวนคดี และตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกับใคร
หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ร่วมกับผลการรักษาบาดแผลของน้อง ว่า ต้องพักรักษาตัวกี่วัน และการเปิดสถานที่รับเลี้ยงเด็กทำถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับใคร อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบถามผู้ปกครองทั้งหมดเท่าที่เจอในบันทึก ว่า มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดี และลูกหลานเคยถูกทำร้ายร่างกายด้วยหรือไม่