ล่อซื้อยาบ้า ปะทะเดือด"แก๊งค้ายา" ดวลสนั่นปั๊มน้ำมัน คนร้ายสาหัส 1 หนีไป 1

9 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจาก พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.กก.สส.ภ.1 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค1 ได้ร่วมกันวางแผนล่อซื้อยาเสพติดกับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติด แล้วเกิดการต่อสู้กัน โดยคนร้ายได้ทิ้งรถกระบะ รถยนต์ และยาเสพติด จำนวน 20,000 เม็ด เอาไว้ริมถนน สายผักไห่-สุพรรณ ใกล้กับปั๊มน้ำมัน ต.หนองน้ำใหญ่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคนร้ายได้หลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้พบคนร้าย 1 คน บริเวณถนนทางหลวงชนบท ผักไห่-ลาดชะโด ใกล้กับทางเข้าโรงพัก โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นอีกครั้ง กระทั่งคนร้ายถูก ถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 

ย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุ พล.ต.ต.ชยานนท์ จึงได้ส่งกำลังเข้าตรวจสอบ และทำการค้นหาคนร้ายที่เหลือ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบนถนน พบกองเลือดเป็นจำนวนมาก, อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก  ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นชายไทย อายุประมาณ 30 ปี มีบาดแผลถูกยิงทีศีรษะ อาการสาหัส และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลผักไห่ 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรถยนต์ แบบแคป ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น รีโว สีดำ หมวดทะเบียนจังหวัดสุพรรณบุรี พบรอยถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณกระจกด้านหน้า  ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซีวิค สีเทา หมวดจังหวัดสุพรรณบุรี กันชนด้านหน้ามีรอยเฉี่ยวชน ยางรถยนต์ถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการยิงสกัด เพื่อจับกุม

พ.อ.ณปพงศ์ธร วังตาล ชุดปฏิบัติการพิเศษ รักษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า  ทางหน่วยได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 1  ได้ทำการวางแผนล่อซื้อยาเสพติดจาก นายรัตนชัย หรือ เต้ย  เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 20,000 เม็ด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายรัตนชัย มีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และเขตรอยต่อ   จ.พระนครศรีอยุธยา

จากการติดต่อล่อซื้อ ได้มีการนัดหมายให้มาส่งมอบยาเสพติกกันที่ริมถนนสายสายผักไห่-สุพรรณ ใกล้กับปั๊มน้ำมัน ต.หนองน้ำใหญ่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายรัตนไชย ขับรถยนต์ เข้ามาตามนัด  และมีชายอีก 1 คน ขับรถกระบะ เข้ามายังที่เกิดเหตุ โดยสายลับได้เข้าไปติดต่อขอซื้อยาเสพติด  กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปสกัดจับกุม แต่คนร้ายไหวตัวทัน จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเปิดทาง พร้อมกับขับรถกระบะหลบหนี

เจ้าหน้าที่จึงใช้รถยนต์ไล่สกัด และมีการยิงยางรถยนต์เพื่อสกัดการหลบหนี จนคนร้ายทั้ง 2 คนได้ทิ้งรถยนต์ พร้อมกับยาบ้า จำนวน 20,000 เม็ด หลบหนีไปในป่าข้างทาง  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังออกติดตาม แต่ไม่พบตัว จึงได้ตรวจยึดรถยนต์ของคนร้าย พร้อมยาบ้าจำนวน 2 หมื่นเม็ด และได้นำมาเก็บไว้ที่ สภ.ลาดชะโด  

ขณะที่ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 8 ก.พ.2566 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค1 และของทหาร ได้มีการจับกุมพ่อค้ายาเสพติด โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับทางเจ้าน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุม ก่อนที่คนร้ายจะทิ้งรถ แล้ววิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางไป ทางชุดจับกุมจึงได้ประสานของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.ลาดชะโด เข้ามาสนับสนุน พร้อมกับตรวจตรวจยึดรถ และยาเสพติด มาไว้ที่โรงพัก 

จนเวลาประมาณ 23.00 น. ส.ต.ท.ศักดิ์ดา บัวลอย ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม ของสภ.ลาดชะโด  ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตรวจหาคนร้ายที่หลบหนี จนพบผู้ต้องสงสัย แต่เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ ส.ต.ท.ศักดิ์ดา จนทำให้เกิดการยิงปะทะกันขึ้นอีกครั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงคนร้าย จนได้รับบาดเจ็บ  ซึ่งคนร้ายอาการสาหัส และยังไม่ทราบชื่อ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผล ส่วนคนร้ายที่หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน ส.ต.ท.ศักดิ์ดา บัวลอย กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการสกัดจับคนร้าย ซึ่งเป็นแก๊งค้ายาเสพติด โดยมีการยิงปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ชุดล่อซื้อ พร้อมได้วิทยุขอกำลังสนับสนุน เพื่อติดตามคนร้ายที่กำลังหลบหนี ตนจึงได้ขี่รถยนต์จักรยานยนต์ ออกตรวจพื้นที่โดยรอบ  จนกระทั่งขับขี่รถจยย.สายตรวจ จะถึงทางเข้าโรงพัก พบเห็นชายท่าทางมีพิรุธยืนแอบอยู่ข้างถังขยะ

"เมื่อคนร้ายเห็นตนกำลังขับขี่รถจยย. จึงใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้าใส่ตนเองทันที ทำให้ตนเองต้องตอบโต้ ด้วยการใช้อาวุธปืนยิงสวนคนร้ายออกไป จนร้ายถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ  โชคดีที่ตนเองได้รับการฝึกตามยุทธวิธีเผชิญเหตุ ที่ได้รับการฝึกมาตามโครงการของตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นการฝึกยิงต่อสู้กับคนร้าย ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ทำให้ตนสามารถรอดชีวิตในครั้งนี้ มาได้อย่างหวุดหวิด แต่คนร้ายก็ถูกได้รับบาดเจ็บเช่นกัน "