หนุ่มวัย 17 ปี แจ้งความถูกทวงหนี้ดอกโหด อ้างเคลียร์ตำรวจได้
พ่อพาลูกชายวัย 17 ปี เข้าแจ้งความ หลังถูกทวงหนี้โหดด้วยการทำร้ายร่างกายถึง 2 รอบ กร่างไม่กลัวใคร อ้างเคลียร์ตำรวจได้
30 มกราคม 2566 การทวงหนี้โหดด้วยการรุมทำร้ายครั้งนี้เปิดเผยที่ สภ.พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดย นายชาตรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี พร้อมด้วยลูกสาว น.ส.อรพัน (สงวนนามสกุล) จันทร์ดี อายุ 25 ปี นำนายธีรยุทธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี (ผู้เสียหาย) เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ ไชยมณี รองสารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง กรณีถูกทำร้ายจากเจ้าหนี้
นายธีรยุทธ ระบุุถึงเหตุถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในซอยเพชรหึงษ์ 26 ซอยย่อยโพธิ์ทอง หมู่ 12 ต.บางกอบัว อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความ ก่อนส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาล
จากการสอบสวนเบื้องต้นถึงสาเหตุการทำร้ายร่างกาย ทราบว่า นายธีรยุทธ กู้ยืมเงินกับผู้ก่อเหตุ ต่อมาถูกผู้ก่อเหตุที่มากับแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. นายธีรยุทธ ก็เคยถูกแฟนหนุ่มของผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายที่ท่าเทียบเรือวัดบางนานอก แจ้งความไว้ที่ สน.บางนา กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นายธีรยุทธ กู้เงินจากผู้ก่อเหตุ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 จำนวน 7,000 บาท ตกลงกันว่าจะใช้คืนภายใน 3 วัน โดยต้องส่งดอกวันละ 2,100 บาท แต่เลยกำหนดวันทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทางผู้ก่อเหตุทวงถามหลายครั้งก็ไม่สามารถส่งเงินคืนได้ ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจจึงลงมือทำร้าย
ด้าน น.ส.อรพิน จันทร์ดี อายุ 26 ปี พี่สาวผู้เสียหาย เล่าว่า น้องชายไปกู้เงินนอกระบบกับเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกัน นัดว่าภายใน 2 วันต้องชำระดอกเบี้ย วันละ 2,100 บาท โดยคืนวันที่สอง (18 ม.ค.) ฝ่ายผู้ให้กู้ทักมาว่าถึงกำหนดที่ต้องชำระเงิน โดยกู้เงินมา 7,000 บาท แต่คิดดอกวันละ 2,100 บาท โดยต้องจ่ายคิดรวมแล้ว 13,000 บาท ภายในระยะเวลา 3 วัน
หลังจากนั้นผู้ให้กู้ก็ติดต่อไปทางพ่อแม่และญาติเพื่อทวงถามเงิน พ่อแม่จึงตกลงจะคืนเงินให้ แต่ดอกเบี้ยสูงเกินไป จึงต่อรองที่ 8,000 บาท และนัดเจอกันที่ท่าน้ำวัดบางนานอก ก่อนที่ผู้ให้กู้จะเปลี่ยนมาเป็นท่าน้ำวัดบางน้ำผึ้ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ผ่านไปครึ่งชั่วโมงผู้ให้กู้ก็ยังไม่มา ส่วนน้องชายก็ได้ข้ามจากฝั่งบางนามาเจอพ่อ พ่อจึงให้เงินก่อนบอกว่าให้กลับบ้านไป ส่วนเรื่องเงินกู้พ่อจะเคลียร์เอง ก่อนที่จะเคลียร์กันจบโดยที่จะมีการโอนเงินกัน โดยที่ทางแม่ของผู้กู้ชำระเงินกู้ไปแล้ว 8,000 บาท
พอตอนเช้าแม่โทรศัพท์มาหาพ่อว่า รู้หรือเปล่าว่าน้องถูกทำร้ายร่างกาย พ่อก็งงว่าน้องถูกทำร้ายตอนไหน ซึ่งจากการสืบสาวราวเรื่อง ก่อนที่เขาจะมารับเงิน 8,000 บาท เขาเจอน้องชายที่ท่าเรือวัดบางนานอก กทม. ก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกายน้องชายจนได้รับบาดเจ็บ
หลังจากพ่อแม่รู้เรื่องดังกล่าว จึงพาน้องชายมาแจ้งความที่ สน.บางนา ในครั้งแรก ก่อนจะมีญาติของตนเองโทรศัพท์ไปเคลียร์กับฝั่งคนทำร้าย โดยน้องชายบอกว่าฝั่งนั้นไม่จบ และข่มขู่ระหว่างที่เจอหน้ากัน เพื่อจะเอาดอกเบี้ย เนื่องจากได้เงินต้นจากพ่อแม่ไปแล้ว จะเอาเงินดอกเบี้ยกับน้องชายอีก 2,000 บาท จนแม่รู้จึงนำเงิน 2,000 บาทให้ แต่ฝั่งนั้นปฏิเสธจะรับเงินจากแม่ ต้องการเงินจากน้องชายอย่างเดียว ขณะที่ญาติโทรไปอีกรอบว่าถ้าเกิดทำร้ายร่างกายกันอีกจะแจ้งความ แต่ฝ่ายนั้นก็บอกว่าไม่รับประกันความปลอดภัยของน้อง มีการข่มขู่ตลอดที่เวลาเจอหน้ากัน ข่มขู่ทางเฟซบุ๊กแล้วแท็กน้องชาย
สำหรับครั้งที่ 2 ที่เจอกับฝ่ายนั้น น้องชายตนเองขับรถเพื่อไปเอาของ แล้วบังเอิญเจอฝ่ายดังกล่าว อยู่กับกลุ่มเพื่อน 7-8 คน ในเขตบางน้ำผึ้งนอก อ.พระประแดง จากที่ญาติโทรศัพท์เคลียร์ตอนเช้า ตกเย็นโดนฝ่ายนั้นขี่จักรยานยนต์ล้อม รุมด่าทอ ด่าพ่อแม่ ข่มขู่ ถ่มน้ำลายใส่ ก่อนจะให้เพื่อนล้อมน้องชายไว้ แล้วให้แฟนสาวของฝ่ายดังกล่าวทำร้าย คือครั้งแรกผู้ชาย (คนปล่อยกู้) เป็นคนทำร้าย
ส่วนครั้งที่ 2 ผู้หญิง (แฟนสาวคนปล่อยกู้) เป็นคนทำร้าย ที่ซอยวัดบางน้ำผึ้งนอก ส่วนน้องชายไม่ได้สู้ เนื่องจากสู้ไปก็คงโดนรุมทำร้าย น้องชายจึงปล่อยให้เขาทำร้ายไป จากนั้นจึงเดินทางมาแจ้งว่า โดยฝั่งดังกล่าวอ้างว่า เขามีเงิน เขาสามารถเคลียร์ปัญหานี้ได้ สามารถซื้อตำรวจได้
ด้านนายธีรยุทธ อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ถูกทำร้ายเนื่องจากไปกู้เงินมาเพื่อชื้อของใช้ส่วนตัวและเติมเกมส์ ทุกครั้งที่กู้นั้นตนเองให้คืนตามกำหนดตลอด แต่รอบนี้หาไม่ทัน เลยไปบอกพ่อแม่ แล้วให้พ่อแม่คุยให้ ก่อนที่พ่อแม่จะคุยให้ เขาก็บุกไปที่บ้านเพื่อจะยึดจักรยานยนต์ เอารถที่บ้านไป เมื่อคืนวันที่ 18 มกราคม 2566
ที่ผ่านมาตนเองกู้เงินจากฝ่ายดังกล่าวบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็จ่ายตรงเวลาตลอด โดยที่กู้นั้นทางพ่อแม่ไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่มีปัญหา ส่วนที่โดนทำร้ายที่ฝั่งบางนานั้น ตนเองกำลังกลับจากไปหาแม่ แล้วเจอกับฝ่ายคู่กรณีโดยบังเอิญที่ท่าน้ำวัดบางนานอก ตนเองอยากบอกพ่อ แต่บอกไม่ได้ เนื่องจากฝ่ายคู่กรณีเดินประกบอยู่ ตนเองจึงกลับเข้าบ้านพัก ก่อนจะโทรศัพท์บอกแม่ในช่วงเช้าว่าโดนทำร้ายร่างกาย แล้วมาโดนทำร้ายรอบ 2 ที่บริเวณบางน้ำผึ้ง
