27 มกราคม 2566 จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เตรียมยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ร่วมกับหน่วยงานของรัฐจัดทำโครงการ 5 ส. เพื่อปรับปรุงสถานที่เขตกัมมัฏฐาน (บริเวณหลังวัด) มีกุฏิที่พักอาศัยของสงฆ์จำนวน 71 หลัง โดยแจ้งให้พระสงฆ์ทราบเบื้องต้นทราบว่า จะเป็นการปรับปรุงให้สวยงามสะอาดขึ้น แต่ปรากฎว่า มีการรื้อทุบทำลายกุฏิพระไปแล้วกว่า 11 หลัง และได้ให้พระออกจากกุฎิตั้งแต่กลางพรรษาที่แล้ว ทำให้พระจำนวนมากเดือดร้อน อีกทั้งไม่แจ้งญาติโยมที่สร้างกุฏิต่าง ๆ ดังกล่าว เพื่อให้เก็บอัฐิญาติ ของบรรพบุรุษเอาไว้เลย
นอกจากนี้ยังมีการย้าย ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่เป็นต้นกล้าจากพุทธคยาเจดีย์ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานมาให้ปลูกไว้ที่วัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2554 อีกด้วย โดยมีการย้ายไปที่บริเวณข้างโบสถ์
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าว ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากพระเณร และญาติโยมจำนวนมาก จึงจำต้องนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป เพื่อยุติการรื้อถอนกุฏิพระอีก เกือบร้อยหลังที่เหลืออีกด้วย
ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ถนนติวานนท์ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พบกับพระลูกวัดที่บวชมานานกว่า 30 ปี เปิดใจให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การกระทำดังกล่าวของท่านเจ้าอาวาสวัด ทำให้พระลูกวัดที่จำพระพรรษาอยู่ในกุฏิที่ถูกรื้อถอนได้รับความเดือดร้อน เพราะเป็นการรื้อกระทันหันช่วงกลางพรรษาซึ่งพระกำลังจำวัดอยู่
ตอนนี้อาตมาทราบแต่เพียงว่า มีการรื้อถอนทุบฏิพระภิกษุสงฆ์ไปแล้ว จำนวน 11 หลัง และจะทำการรื้อถอนทุบกุฏิของพระอีก 60 หลังต่อเนื่องกัน กุฏิอาตมาเองก็อยู่ในกุฏิที่จะถูกทุบเหมือนกัน อยากให้ทางผู้ใหญ่หรือทางเจ้าอาวาสของวัด ไตร่ตรองและพิจารณาถี่ถ้วนให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไป
ต่อมาทางพระลูกวัด ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดที่มีการรื้อถอนทุบกุฏิ พบว่ากุฏิทั้ง 11 หลัง ถูกรื้อถอนจนโล่งไปแล้วจำนวน 10 หลัง โดยเฉพาะศาลาจิตพิพิธ ซึ่งสร้างจากจิตศรัทธาหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งได้ถูกทุบทิ้งไปเป็นหลังที่ 11 แล้ว สร้างความสลดหดหู่ใจให้กับญาติโยมพุทธศาสนิกชนคนเก่าแก่ ที่มาทำบุญที่วัดตั้งแต่สมัยหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ยังมีชีวิตอยู่