อ้างจนท.ตั้งโต๊ะเก็บเงินชาวลาวไม่มีที่มาที่ไป ระบุ ค่าตรวจคัดกรอง

27 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีแกนนำพ่อค้า แม่ค้า ทั้งชาวไทย ชาวลาว บริเวณจุดผ่อนปรนตลาดนัดไทยลาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริง กรณีมีหญิงสาว 2 ราย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่อ.ธาตุพนม นั่งเก็บเงินชาวลาว รายละ 50 บาท ซึ่งทำเป็นบัตรสีฟ้าหรือตั๋วผี มีอักษรภาษาลาว ระบุว่า “ตั๋วผ่านการคัดกรองจุดผ่อนปรนการค้า” โดยไม่มีที่มาที่ไป เพื่อให้หน่วยงานความมั่นคง เข้าตรวจสอบแก้ไขการกระทำดังกล่าว เนื่องจากเคยร้องเรียนไปแล้วหลายครั้งแต่เรื่องเงียบ

ซึ่งตลาดนัดจุดผ่อนปรนชายแดนไทยลาว อ.ธาตุพนม ถือเป็นด่านประเพณี ที่เปิดตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้ พ่อค้า แม่ค้า ชาวลาว นำสินค้าเกษตรข้ามแม่น้ำโขงมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกับพี่น้องชายแดนไทย ระหว่างเมืองหนองบก แขวงคำม่วน สปป.ลาว สัปดาห์ละ 2 วัน คือวันจันทร์และวันพฤหัสบดี



จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บริเวณด่านตรวจ ท่าเทียบเรือ จุดผ่อนปรนตลาดนัดไทยลาว พบมีหญิงสาว 2 ราย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ อ.ธาตุพนม นั่งเก็บเงินค่าหัวชาวลาวที่ข้ามมาฝั่งไทย รายละ 50 บาท ระบุว่า เป็นค่าตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยังมีการทำตั๋วผีสีฟ้า มีตัวอักษรภาษาลาว ระบุว่า ตั๋วผ่านการคัดกรอง จุดผ่อนปรนการค้า อำเภอธาตุพนม และมีการตั้งกล่องเก็บเงินสด เป็นเงินไทยจากชาวลาว

แกนนำพ่อค้าแม่ค้า ให้ข้อมูลว่า มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล เข้ามาฉวยโอกาส เรียกเก็บค่าหัวกับชาวลาว ที่เดินทางข้ามมา แลกเปลี่ยนซื้อขาย พร้อมอ้างหน่วยงานอ.ธาตุพนม เป็นผู้ดูแลเรียกเก็บ โดยมีการจัดตั้งโต๊ะ ทำตั๋วผี ไม่ระบุจำนวน ตัวเลขราคา และข้อมูลของหน่วยงานรัฐ แต่มีการเรียกเก็บค่าหัวชาวลาว ที่ข้ามฝั่งมาไทยคนละ 50 บาท

โดยในแต่ละวันจะมีการเรียกเก็บเงินจากชาวลาวประมาณ 800-1,000 คน คิดเป็นเงิน วันละประมาณ 40,000 – 50,000 บาท ซึ่งในการจัดเก็บส่วนอื่น พบว่า มีการเก็บค่าธรรมเนียมเอกสารการผ่านแดนของด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่มีใบเสร็จถูกต้องตามระเบียบ เป็นเงินคนละ 50 บาท รวมถึงใบเสร็จรับเงิน จำนวน 30 บาท ที่เก็บค่าวางจำหน่ายสินค้า ค่าเรือโดยสาร 60 บาท ที่สามารถยืนยันได้ว่า มีหน่วยงานรับผิดชอบ และจัดการเข้ารัฐ และเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ส่วนตั๋วผีดังกล่าวไม่มีที่มา อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีการระบุจำนวนเงิน 50 บาท ตามที่เรียกเก็บ



ด้านนายธนิสร บุญฤทธิ์ แกนนำอีกราย เปิดเผยว่า หลังจากมีการเปิดจุดผ่อนปรนที่ปิดมาตั้งแต่ช่วงโควิดมากว่า 2 ปี ทำให้การค้าขายกลับมาเหมือนเดิม ถือเป็นเรื่องดีของชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงชาวลาว ทำให้มีรายได้ แต่ที่ตนและบรรดา พ่อค้า แม่ค้า ทนไม่ได้คือ กลุ่มผู้มีอิทธิพล มาเฟีย ที่อ้างหน่วยงานรัฐ ได้ฉวยโอกาสมาตั้งโต๊ะเรียกรับเงิน จากบรรดาพ่อค้า แม่ค้าและชาวลาว โดยตั้งโต๊ะเรียกเก็บเงินแบบเย้ยกฎหมาย ไม่มีที่ไปที่มาคนละ 50 บาท แต่ละวันมีการเรียกเก็บนับ 1,000 คน มั่นใจว่าเป็นการทุจริตในด่านจุดผ่อนปรน ถือว่าผิดระเบียบกระทรวงมหาดไทย

นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลบางกลุ่ม กดดันพ่อค้า แม่ค้า ให้ไปขายในพื้นที่หน้าตลาดเทศบาลตำบลธาตุพนม เพื่อเรียกเก็บผลประโยชน์ ทั้งที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง เคยจัดระเบียบก่อนหน้านี้แล้ว โดยให้กระจายพ่อค้าแม่ค้า วางของขายตลอดแนวริมถนนสองฝั่ง กำหนดจุดวางขายสินค้าไว้ชัดเจน แต่เมื่อเปิดจุดผ่อนปรนใหม่ กลับมีการจัดระเบียบใหม่ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างพ่อค้า แม่ค้า ใครที่ยอมทำตามกติกากลุ่มมาเฟีย หรือยอมจ่ายเงินตามข้อเรียกร้อง จะได้ขายในพื้นที่ดี ตนถือว่าไม่เป็นธรรมกับพ่อค้าแม่ค้า

ที่สำคัญยังมีการวางจุดเข้าออกสินค้า ไว้บริเวณจุดเดียวกัน ทั้งที่ตามระเบียบศุลกากร รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะต้องแยกกันชัดเจน เพื่อสะดวกในการตรวจสอบคัดกรองของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ป้องกันการลักลอบกระทำผิดกฎหมาย โดยการดำเนินการดังกล่าวถือว่า ไม่เป็นไปตามระเบียบหน่วยงานความมั่นคง ที่มีการนำสินค้าเข้ามาโดยไม่มีการเข้มงวดตรวจสอบ เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย

"เคยทำหนังสือร้องเรียนไปหลายครั้งแต่เรื่องยังเงียบ จึงต้องออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ซึ่งกรณีคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2562 หลังจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และหน่วยงานความมั่นคงลงพื้นที่ตรวจสอบ แก้ไขปัญหานำผู้ทุจริตดำเนินคดี แต่ในที่สุดก็กลับมาเกิดขึ้นซ้ำอีก ฝากไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหา"

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเทศบาลตำบลธาตุพนม ได้ข้อมูลว่า พื้นที่จุดผ่อนปรนตลาดนัดไทยลาว ได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทย เปิดให้เป็นด่านประเพณี ให้พี่น้องชาวลาวและชาวไทย เข้าแลกเปลี่ยนซื้อขาย โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าผ่านแดน แต่มีค่าธรรมเนียมในการจัดทำเอกสารผ่านแดน ทีใช้ในการตรวจสอบข้อมูล การเดินทางเข้าออก ป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง และค่าธรรมเนียมจะถูกนำส่งเป็นรายได้เข้ารัฐ จำนวนคนละ 50 บาท

นอกจากนี้มีการจัดเก็บค่าวางจำหน่ายสินค้า ที่มีใบเสร็จเรียกเก็บเงินถูกต้องตามระเบียบจำนวน 30 บาท ดำเนินการโดยเทศบาลตำบลธาตุพนม หากพบมีการฉวยโอกาสเรียกเก็บเงินนอกเหนือจากนี้ จะต้องมีการตรวจสอบ หากพบเจ้าหน้าที่กระทำทุจริต หรือเรียกรับเงิน จะต้องถูกดำเนินคดี



ทั้งนี้ย้อนไปเมื่อปี 2562 นายสยาม ศิริมงคล อดีต ผวจ.นครพนม ได้รับเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตเรียกรับเงินค่าหัวจากชาวลาว ของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนร่วมกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล และมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมจัดระเบียบ ป้องกันการฉวยโอกาสเรียกรับผลประโยชน์มาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ภายหลังเกิดสถานการณ์โควิดจุดผ่อนปรนปิดมานานกว่า 2 ปี ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง และมีการฉวยโอกาสเรียกรับเงินจากชาวลาวเกิดซ้ำขึ้นอีก