19 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(18 ม.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นแจ้งความร้องทุกข์ ถูกสับเปลี่ยนกระเป๋าเดินทาง นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากายาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้ให้ฝ่ายสายตรวจของตำรวจท่องเที่ยวประจำสนามบินร่วมกับสายตรวจพิเศษและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บูรณาการกำลัง เร่งดำเนินการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ
ศูนย์ความปลอดภัย CCTV ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีนักท่องเที่ยวชายสองคนสะพายกระเป๋าสีเขียว ของผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น ออกมาจากอาคารเทียบเครื่องบิน หลังจากที่ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นมาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท่องเที่ยวว่าถูกคนร้ายขโมยกระเป๋าสะพายสีเขียว ภายในมีทรัพย์สินและเงินสดหลายรายการ โดยคนร้ายฉวยโอกาสขณะที่กำลังลงจากเครื่องบิน แล้วทำการฉกเอากระเป๋าของผู้เสียหายที่วางไว้ในที่เก็บสัมภาระ เหนือที่นั่งผู้โดยสารภายในเครื่องบิน
จึงติดตามชายต้องสงสัยสองคนนี้ จนพบว่ากำลังจะต่อเครื่องบินไป จ.อุบลราชธานี กำลังจะผ่านเครื่องสแกนของเจ้าหน้าที่การท่าฯ จึงรีบไปควบคุมตัวชายต้องสงสัยทั้งสองคน ขณะกำลังรอขึ้นเครื่องบิน พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าสะพายของผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น ที่มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวกลับมาที่สถานีตำรวจนักท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวานนี้ ( 18 ม.ค.)
ด้านพ.ต.ท. อัครพัชร์ ทองศรีวาณิช รองผกก.3 บก.ทท.1. เปิดเผยว่า จากการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาเป็นชายชาวพม่า ทราบชื่อคือ 1. นายโกรด เซาะเพื่อน (Mr.Kroch Sophoeun) อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา (ผู้ต้องหาที่ 1) 2. นายเปรน เซาะเกลย (Mr.Pren Sokleng) อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา (ผู้ต้องหาที่ 2) พร้อของกลาง ประกอบด้วย
รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 100,000 บาท โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เพราะจำนนด้วยหลักฐาน
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้คือ เป็นผู้โดยสารที่นั่งเครื่องบินมาจากกรุงพนมเปญมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อจะไปพบแพทย์ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยนั่งมาในที่นั่งแถวเดียวติดกันกับผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายและผู้ต้องหานำกระเป๋าสะพายไว้ในที่เก็บสัมภาระเหนือหัวที่นั่งผู้โดยสาร พอเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาทั้งสองกลับไม่หยิบเอากระเป๋าของตนเองไป แต่หยิบเอากระเป๋าของผู้เสียหายที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปแทน ซึ่งเจ้าตัวทราบดีว่าไม่ใช่กระเป๋าของตนเอง เพราะมีการค้นกระเป๋าผ่านเครื่องแสกนและเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นเครื่องไปอุบลราชธานี แต่ไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีการหยิบกระเป๋าผิดไปและจงใจนำเอาทรัพย์สินไปเป็นของตนเอง
จนกระทั่งติดตามจับกุมตัวได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน นำตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดยังอยู่ครบ เจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นทันทีเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่พัทยา ซึ่งผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นออกมาขอบคุณและกล่าวความในใจที่ประทับใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและความรวดเร็วของเจ้าหน้าที่การท่าโดยเฉพาะศูนย์ CCTV ที่ช่วยติดตามจนพบคนร้ายและตามจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว