เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยนักวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาชิกชมรมคนรักถ้ำ จ.กระบี่ และผู้นำชุมชน ช่วยกันนำซากฟอสซิลฟันแรดยุคดึกดำบรรพ์ พร้อมฟันกรามขนาดใหญ่ ออกจากถ้ำยายรวก บ้านถ้ำเพชร อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ หลังพบฝังอยู่ในแผ่นหิน ซึ่งร่วงหล่นลงมาตั้งอยู่บนพื้นภายในถ้ำ สร้างความตื่นเต้นแก่คณะที่เข้าสำรวจเป็นอย่างมาก จนท.จึงทำการสกัดเพื่อแบ่งหินส่วนที่คาดว่าไม่ใช่ฟอสซิลออก ก่อนที่จะนำชิ้นส่วนกรามแรดออกมา ก่อนจะนำไปตรวจพิสูจน์ที่ห้องปฏิบัติการ สภาบันภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นกระดูกฟันกรามของแรดชนิดใด
นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร หนึ่งในทีมงานชมรมคนรักถ้ำกระบี่ กล่าวว่า นับเป็นความโชคดี ของคณะทีมงานที่เข้าไปสำรวจ จากที่ได้แซะดูผิวพื้นแผ่นหินดินโบราณ เห็นร่องรอยกรามแรดค่อนข้างสมบูรณ์มาก และน่าจะมีกรามสองชิ้นที่ฝังอยู่ด้านใน แต่เนื่องจากจุดที่พบแผ่นหินที่มีฟันกรามของแรดดังกล่าว ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีการเข้าไปสำรวจวิจัยหลายครั้ง เดินย่ำไปย่ำมาแต่ก็ไม่มีใครสังเกตุ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ทางคณะจากกรมทรัพยากรธรณีวิทยา นำโดย ผศ.ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาคธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาจัดสัมมนาพิเศษที่ อ.อ่าวลึก จึงได้มีการเข้าไปสำรวจอีกครั้ง นับเป็นการสำรวจพบฟอสซิล ยุคดึกดำบรรพ์ ที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ทั้งนี้ภายในถ้ำยายรวกที่ผ่านมามีการสำรวจพบฟอสซิลฮายีน่าลายจุดมาแล้ว หลังจากนี้ก็จะต้องรอผลการพิสูจน์ว่าซากฟอสซิลฟันกรามที่พบจะเป็นฟอสซิลของแรดอินเดีย หรือแรดชวา
ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบภายในถ้ำยายรวก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ด้วยกัน ประกอบด้วย ไฮยีนาลายจุด แรดชวา กวางป่า และเม่นใหญ่แผงคอยาว จากการ คาดคะเนอายุเบื้องต้น น่าจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ช่วงปลายของสมัยไพลสโตซีนตอนล่างไปจนถึงช่วงต้นของสมัยไพลสโตซีนตอนปลาย (Middle to Late Pleistocene) หรือประมาณ 200,000-80,000 ปี ที่ผ่านมา