วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ จ.พัทลุง เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง รับแจ้งจาก ครูโรงเรียนอินทร์นิมิต ม.6 ต.ท่ามิหรำ อ.เมือง จ.พัทลุง ว่า มีชายวัยรุ่นเข้ามาก่อกวนที่โรงเรียน โดยนำขวดน้ำผสมสีคล้ายเลือด มาเทสาดในห้องน้ำ ขณะที่ครูผู้ปกครองกำลังร่วมกันทำบุญโรงเรียน แล้วก็ได้ขี่รถ จยย. วนออกไป จนกระทั่งช่วงบ่ายได้ขี่รถ จยย.วนมาอีกครั้ง
หลังรับแจ้ง ตำรวจ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ภายในโรงเรียน ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ นายจักรพงษ์ ประเทืองมาศ อายุ 44 ปี ตรวจสอบในกระเป๋าเจ้าหน้าที่พบยาบ้า 2 เม็ด จึงควบคุมตัวมาสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เบื้องต้นนายจักรพงษ์ ให้การวกวน และพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งร้องไห้ เหมือนคนอาการหลอนยา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความหวาดผวาให้กับครู และผู้ปกครอง เป็นอย่างมาก หลังจากมีเหตุการณ์ที่ จ.หนองบัวลำภู
นายสมมาศ เกลี้ยงประไพ สท.ตำบลท่ามิหรำ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ครูโรงเรียนวัดควนอินนิมิต ได้ไปตามตนให้มาตรวจสอบสีแดงคล้ายเลือด ภายในห้องน้ำโรงเรียน แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร และทำเพื่ออะไร เนื่องจากช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมแล้ว มีเฉพาะครูเวร ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้าเวร ซึ่งครูเวรบอกว่า ช่วงนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาทำลับ ๆล่อ ๆ ภายในโรงเรียน จึงแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ จนกระทั่งตำรวจจับกุมนายจักรพงศ์ได้ พร้อมยาบ้าในกระเป๋ากางเกง
ล่าสุด นายจักรพงษ์ ผู้ต้องหาได้เผยหลังจากที่สร่างเมายาเสพติดว่า ตนเข้าไปในโรงเรียนดังกล่าว เพื่อหลบฝนเท่านั้น วันนี้ก็เข้าไปหลบฝนอีกครั้ง เพื่อจะไปสมัครทำงานก่อสร้างที่บ้านหลังหนึ่ง จนถูกตำรวจรวบตัวได้ดังกล่าว แต่ยอมรับว่า เสพยาบ้าจริง โดยซื้อยาบ้ามาเมื่อวานนี้ จำนวน 3 เม็ด ในราคาเม็ดละ 20 บาท เพราะเครียดจากการตกงาน ยืนยันว่า การเข้าไปในโรงเรียนในครั้งนี้ มิได้มีเป้าหมายการก่อเหตุที่ไม่ดี แต่อย่างใด
ส่วนการที่เข้าไปในโรงเรียนในวันนี้ เพราะมีคนชักชวนให้เข้ามากินข้าว เบื้องต้นตำรวจไม่ได้เชื่อคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เนื่องจากก่อนหน้านี้พูดจาวกวนเหมือนคนเสพยาบ้า จึงนำตัวพร้อมของกลางไปส่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผู้บังคับการ กองกำกับการตำรวจภูธร จังหวัดพัทลุง ระบุว่า ในส่วนของการจัดการเรื่องคนคลุ้มคลั่งนั้น ทางตำรวจมีมาตรการมานานแล้ว เมื่อเข้าควบคุมตัวได้ก็จะส่งให้ทางโรงพยาบาลรักษา แต่ปัจจุบันพบปัญหา มีบุคคลประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น จนทางโรงพยาบาลรองรับไม่ไหว เพียงจ่ายยาและอนุญาตให้กลับบ้านได้ เมื่อขาดยาหรือกลับไปเสพยาอีก ก็จะมีพฤติกรรมการคลุ้มคลั่ง วนเวียนอยู่อย่างนี้ แม้ว่าทางตำรวจจะมีมาตรการรองรับ แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้หมดไปได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหน โดยเฉพาะในโรงเรียน ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ เป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องดูแล ที่สำคัญขอให้ผู้ปกครองของผู้ป่วย ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และพาพบแพทย์ตามนัด ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียจากการกระทำของผู้เสพยาเสพติด
ข่าว : ไสว รุยันต์ พัทลุง