"ไบร์ท วชิรวิชญ์" เฉลยสัมพันธ์ "อภิรักษ์" ยันเป็นเพียงเหยื่อ "Forex-3D"

ความคืบหน้า คดีร้อน "Forex-3D" ที่มีดารา ศิลปิน และผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากเข้าไปเกี่ยวข้อง และมีบางส่วนถูกเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาและคุมขังไว้ในเรือนจำ ขณะที่ ดีเอสไอ เตรียมหมายเรียก ครั้งที่ 2 ดาราชาย “ป.ปลา” ข้อหา ฟอกเงิน คดี Forex-3D ขีดเส้น สิ้น ต.ค. ออกหมายจับทันที ด้าน"ดีเจแมน - ใบเตย" อ้างเอกสารไม่พร้อม เลื่อนนัด พร้อมเตรียมเรียก 2 พยานสอบ ปม “กระทิง” ช่วนร่วมลงทุน เร่งเสนอแก้กฎหมายเอาผิด “แม่ทีม” (อ่านข่าว)

ล่าสุด ได้มีการเปิดชื่อศิลปินอีกรายที่เข้าไปเกี่ยวพันกับ คดีร้อน "Forex-3D" คือ พระเอกหนุ่ม ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี  ที่วันนี้ (30 ก.ย.)  ไบร์ท วชิรวิชญ์ ได้เปิดเผยผ่านรายการบันเทิง แห่งหนึ่ง หลังจากที่เพจ ‘รวบรวมผู้โดนโกง จาก Forex 3d’ ได้อ้างว่า ไบร์ท วชิรวิชญ์ มีชื่อเป็นผู้ลงทุนใน "Forex-3D" ด้วย แถมก่อนหน้านี้ก็มีภาพและคลิปร่วมกิจกรรมกับ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหารแชร์ลูกโซ่ดัง 

โดย ไบร์ท วชิรวิชญ์ ระบุว่า ตอนนั้นตนอายุประมาณ 15-16 ช่วงนั้นทำรายการ ‘สตรอเบอร์รี่ ครับเค้ก‘ ซึ่งตนมีรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เป็นพิธีกรด้วยกัน ชื่อว่า ‘นิโก้’ เป็นคนพาไปรู้จักกับ ‘พี่รักษ์’ หรือ นายอภิรักษ์  ซึ่งในช่วงนั้นเวลาตนทำงานเลิกดึก ตนจะกลับบ้านที่นครปฐม แต่บางทีรถตู้หมด 3 ทุ่ม ตนเลิกงานกลับบ้านไม่ทัน ก็ไปอาศัยนอนบ้านเขา ซึ่งเขาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมรู้จักกับ นายอภิรักษ์  

ส่วนคลิปที่มีการนำมาเผยแพร่ ตอนนั้นตนอยู่ ม.4 โดยในคลิปที่เห็น เป็นวันแรกที่ได้เจอกันเลย ผมไปนอนบ้านพี่นิคครั้งแรกก็ร้องเพลงกัน อัดคลิป เท่านั้นเอง

ในส่วนของ "Forex-3D"  จุดเริ่มต้นต้องยอมรับว่า ก็เริ่มจากตัวตนเอง ด้วยความที่ตอนนั้น ทุกคนที่อยู่รอบตัว ลงทุนตรงนี้กันหมด และตนก็เห็นมาสักพัก ตอนแรกก็ไม่ได้มั่นใจ แต่เมื่อเห็นมาสักพักว่า ทุกคนได้จริง ๆ ก็รู้สึกว่ามันน่าจะโอเค ซึ่ง ณ วันนั้น ตนยังไม่ได้มีเงิน เงินก่อนแรกที่เอามาลงทุน ยังขอแม่มาลงด้วยซ้ำ จำนวน 50,000 บาท พอเราเริ่มลงไปมันก็ได้จริง ๆ ในวันแรกมันได้จริง ๆ มันได้เรื่อย ๆ เราก็รู้สึกว่ามันโอเคนะ ตนก็พยายามที่จะเก็บเงิน งานทุกชิ้นที่ผมทำ รายได้ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ส่วนใหญ่ผมก็จะยัดกลับคืนเข้าไป ผมรู้สึกว่า มันคือการลงทุน เป็นการออมเพื่ออนาคต
 

ไบร์ท วชิรวิชญ์ ระบุว่า ในวันนั้นที่ลงทุนไปยังไม่มีชื่อเสียงแบบนี้ ตอนนั้นตนเอาเงินจากการเล่นโฆษณา แคสต์งาน เงินบางส่วนก็เป็นเงินเก็บของแม่ เรียกว่าเป็นเงินทั้งชีวิตของครอบครัวเลยแล้วกัน นั่นคือเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวที่บ้านตนมี แล้วเราก็เสียไปกับตรงนั้นทั้งหมด จำนวน 775,000 บาท เยอะมาก ๆ ณ วันนั้นมันคือเงินทั้งครอบครัว

ในวันนั้นมันเป็นเรื่องที่เราเครียดกันมาก ๆ มันถึงขนาดว่า แล้วเงินสำรองครอบครัว เงินที่เราจะต้องเอาไว้ใช้ในอนาคตมันหายไปหมดแล้ว แล้วเราต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ แล้วจะต้องยังไง แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วย ถ้าอะไรๆ มันไม่ได้เป็นแบบทุกวันนี้ ตนน่าจะแย่มากๆ คงจะไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงเลย

ไบร์ท วชิรวิชญ์ กล่าวว่า ในช่วงแรก ๆ เรายังติดต่อเขาได้ ตอนที่คนยังไม่ได้มั่นใจว่า มันคือยังไงกันแน่ ผมยังติดต่อเขาได้ ผมติดต่อถามไถ่เขาตลอด เขาก็จะพูดให้เรามั่นใจตลอดว่า มันอยู่ในกระบวนการนะ มันมีปัญหานะ เราก็เชื่อสนิทใจ เขาคือพี่ที่เรารู้จัก เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรายิ่งอยู่ใกล้ เรายิ่งไม่เห็นความจริง ตนว่าตนน่าจะเป็นคนที่รู้ช้ามาก ๆ เหมือนเรามีโอกาสได้อยู่ใกล้เขา คนอื่นมองเข้ามาอาจจะเห็นภาพรวมว่า ความจริงมันคือการหลอกหลวง ฉ้อโกง แต่สำหรับตนรู้สึกว่า เขาแค่มีปัญหา เดี๋ยวก็จัดการได้ หรือจะเรียกว่า ความโลภบังตาเป็นได้ แต่ถ้าเรามองให้ดี ๆ จะเห็นได้ว่า มันไม่มีการลงทุนอะไรที่มันจะให้ผลตอบแทนอะไรขนาดนั้น หากใครจะลงทุนอะไร ก็อยากจะให้ลงทุนในสิ่งที่มันตรวจสอบได้ ไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

ไบร์ท วชิรวิชญ์ ยืนยันว่า ตนเองคือเหยื่อที่มาลงกับเขาตรงนี้ ถามว่า ชักชวนใครไหม ไม่ได้มีการชักชวนเกิดขึ้นเลยครับ แต่คนที่เล่นตามตน คือคนใกล้ตัวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น แม่ เพื่อนสนิท หากตนรู้ว่า มันคือการฉ้อโกง การหลอกลวง คงไม่มีทางปล่อยให้แม่ให้คนที่ผมรักมาเสียหายตรงนี้ด้วย 

ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ เกิดเป็นความพลาดของเรา ไม่ได้อยากจะไปกล่าวโทษใครเลย เพราะไม่ได้มีใครชักชวน คือเราเห็นเขาทำแล้วมันได้ เราก็พุ่งเข้าไปเอง ทั้งนี้หากทางเจ้าหน้าที่ทางดีเอสไอ หรือหน่วยงานใดก็ตาม จะเรียกไปให้ข้อมูล ตนก็พร้อมอย่างเต็มที่