svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ครอบครัวน้องอาย นศ.แพทย์ เตรียมปรึกษาทนายฟ้องอาญาและแพ่ง

05 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม่น้องอาย นศ.แพทย์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ระบุการเจรจา รอบ 2 ทาง มข.ให้ครอบครัวฟ้องอาญาและแพ่ง เตรียมปรึกษาทนายและครอบครัวการเดินหน้าดำเนินคดี

5 กันยายน 2565 ที่สภ.เมืองขอนแก่น นางนิตยา รุ่งสถิต อายุ 55 ปี มารดาของ น.ส.อรุณนภา วัฒนพานิช หรือน้องอาย อายุ 19 ปี นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสของคณะพยาบาลศาสตร์ ชนจนเสียชีวิต บริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ มข.เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา มาพูดคุยกับตัวแทนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้พูดคุยกันไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ซึ่งในการพูดคุยครั้งแรกนั้น ตัวแทน มข.ให้มารดาและครอบครัวน้องอาย ยื่นข้อเสนอให้กับทาง มข. เพื่อดำเนินการเยียวยา ทางมารดาได้ยื่นข้อเสนอเรียกร้องต่อ มข.ว่ากรณีที่น้องอายเรียนจบแล้วได้เป็นแพทย์ ตั้งแต่อายุ 23 ปี จนถึงเกษียณราชการ อายุ 60 ปี ค่าจ้างวันละ 5,000 บาท รวมเป็นเงินประมาน 66 ล้านบาท แต่ตัวแทน มข.แจ้งว่า ยังตัดสินใจตามที่เสนอมาไม่ได้ เพราะต้องนำข้อเสนอของมารดาคนตายเข้าที่ประชุม มข.และสภามหาวิทยาลัย    
 สำหรับการพูดคุยเจรจาครั้งที่ 2 ตัวแทนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ ว่าที่ร้อยตรีสุวิต ผิวพันคำ ผู้อำนวยการกองบริหารงาน คณะพยาบาลศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พักตร์วิไล ศรีแสง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และทีมนิติกร มข. โดยมีพนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ร่วมรับฟังการเจรจา

ครอบครัวน้องอาย นศ.แพทย์ เตรียมปรึกษาทนายฟ้องอาญาและแพ่ง
 

นางนิตยา  มารดาของน้องอาย กล่าวว่า  หลังการเสียชีวิตของน้องอาย ครอบครัวก็หวังว่าจะคุยกันจบลงได้ด้วยดี  แต่ถ้ายังยืดเยื้อครอบครัวจะดำเนินการตามที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ การจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายในกรณีที่พนักงานของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก จะกระทำได้ 2 วิธี คือ ดำเนินการตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หรือโดยคำสั่งของศาลเท่านั้น ครอบครัวก็จะดำเนินการใน2 ข้อนี้ โดยจะรวบรวมหลักฐานต่างๆ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ที่ทำให้น้องอายเสียชีวิต เพื่อจะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางแพ่ง รวมถึงให้มีการเยียวยาตามคำเรียกร้องของครอบครัวด้วย  


นางนิตยา  กล่าวอีกว่า  การพูดคุยครั้งที่ 2 หากจบลงได้ด้วยดี ครอบครัวจะพิจารณาอีกทีว่าจะดำเนินการในเรื่องใดอีกหรือไม่ หรือจบเพียงเท่านี้  เนื่องจากว่า ที่ผ่านมาครอบครัวไม่ได้เรียกร้องเงินทอง แต่ครอบครัวต้องการเห็นสปิริตของอธิการบดี ในการที่จะออกมาแก้ไขปัญหาในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่รับผิดชอบของตัวเอง แต่อธิการบดีเงียบเฉย แล้วยังบอกว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ การจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายในกรณีที่พนักงานของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก จะกระทำได้ 2 วิธี คือ ดำเนินการตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หรือโดยคำสั่งของศาลเท่านั้น  เมื่อ มข.กำหนดมาแบบนี้ ครอบครัวก็จะทำตามที่อธิการบดีกล่าวไว้ แต่ถ้าคุยแล้วจบได้ครอบครัวก็พร้อมจะจบ ส่วนเงินสวัสดิการจำนวน 130,000บาทนั้น ได้ทำเรื่องเบิกมาเรียบร้อยแล้ว

ครอบครัวน้องอาย นศ.แพทย์ เตรียมปรึกษาทนายฟ้องอาญาและแพ่ง
 

ภายหลังการพูดคุย  3 ชม. นางนิตยา รุ่งสถิต อายุ 55 ปี มารดาของน้องอาย กล่าวว่า  การเจรจาพูดคุยกับมข.จบเพียงเท่านี้ เนื่องจากว่า มข.ช่วยอะไรไม่ได้  อีกทั้งยังทราบว่า ทาง มข.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามที่พูดคุยครั้งแรกเลย  โดยตัวแทนมข.บอกว่า มข.จ่ายเงินให้ไม่ได้ เพราะ มข.เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ และไม่ได้นำเรื่องเข้าที่สภามหาวิทยาลัย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับสภามหาวิทยาลัย
และการเจรจาในครั้งนี้ ทีมนิติกร มข.แนะนำให้ครอบครัว ดำเนินการใน 2 ทางคือทั้งอาญาและแพ่ง  ซึ่งทางคดีอาญา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว  ส่วนทางแพ่งให้ทนายความยื่นฟ้องต่อศาล เรียกร้องค่าเสียหายตามที่ครอบครัวได้เรียกร้องไว้


“ทุกอย่างออกมาเช่นนี้ ทำให้รู้ว่า มข.ไม่มีสปิริตในการจะดูแลครอบครัวแต่แรกแล้ว และเมื่อ มข.รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร ทำไม ไม่แนะนำครอบครัวตั้งแต่แรก ไม่น่าให้ครอบครัวต้องมาดำเนินการอะไรที่ดูซับซ้อนเช่นนี้ เพราะที่จริงแล้ว ครอบครัวไม่ได้มีเจตนาจะออกมาเรียกร้องเงินทอง แต่ครอบครัวต้องการให้มข.แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ให้เป็นกรณีตัวอย่างว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ มข.และเกิดจาก พนักงาน ลูกจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ มข.ควรจะทำเช่นรัย ควรจะดำเนินการทุกด้านที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ไม่ใช่ โยกไปมาแบบนี้  และเมื่อ ออกมาแบบนี้ ครอบครัวก็จะดำเนินการทั้งอาญาและแพ่งต่อไป  โดยในเรื่องอาญา พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาไม่เกินวันที่ 25 กย.นี้ ส่วนแพ่งครอบครัวจะหาทนายความมายื่นฟ้องต่อศาลเช่นกัน”
ขณะที่นางวงเดือน หวานชะเอม อายุ 57 ปี   อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.1 ต.ดอนแฝก อ.นครชัยสรี จ.นครปฐม มารดาของนางสาว อมรรัตน์ ห้อยมทาลี อายุ 24 ปี เพื่อนน้องอาย และเป็นคนขับรถจักรยานยนต์คันที่น้องอายนั่งซ้อนท้ายและประสบอุบัติเหตุ   ซึ่งน้องอายเสียชีวิต และนางสาว อมรรัตน์ ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งที่รพ.ศรีนครินทร์   ซึ่งการเจรจาพูดคุยกันในครั้งนี้มารดาของนางสาว อมรรัตน์ ก็เดินทางมาร่วมรับฟังด้วย 
 ภายหลังการพูดคุย นางวงเดือน หวานชะเอม อายุ 57 ปี    มารดาของนางสาว อมรรัตน์ ได้รับบาดเจ็บ  กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ลุกสาวได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและขาทั้งสองข้าง แต่ไม่มีส่วนใดแตกหัก  ขณะนี้ออกจากรพ.แล้ว และไปเรียนตามปกติแล้ว
“สภาพจิตใจลูกไม่เหมือนเดิม เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะบ่นคิดถึงน้องอายบ่อยๆ  ทุกคืนหลังออกจาก รพ.มาอยู่ที่ห้องพัก ที่เคยอยู่กับน้องอาย บางครั้งลูกมีอาการหวาดผวา แต่ลูกพยายามไหว้พระ สวดมนต์ ให้จิตใจสงบ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือลูกลัวการขับขี่รถจักรยานยนต์  แม่จึงต้องมาอยู่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ขับรถยนต์ไปส่งทุกเช้า เลิกเรียนแม่ต้องไปรับกลับมาที่พัก และคงต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด  ส่วน มข.ช่วยเหลือนเรื่องค่ารักษาพยาบาลบางส่วน เพราะบางส่วนมีการช่วยเหลือจาก พรบ.รถ  แต่ด้านการช่วยเหลืออื่นๆยังไม่มี และครอบครัวไม่กล้าที่จะเรียกร้องเพราะลูกสาวต้องเรียนที่มข.ต่ออีกหลายปี ตอนนี้จึงทำได้เพียงดูแลจิตใจลูกสาวให้เข้มแข็งและเรียนต่อไปจนจบ”นางวงเดือน  กล่าว

ภาพ/ข่าว กวินทรา  ใจซื่อ ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคอีสาน สำนักข่าวเนชั่น

ครอบครัวน้องอาย นศ.แพทย์ เตรียมปรึกษาทนายฟ้องอาญาและแพ่ง

 

logoline