ชาร์ป กรุงไทยการไฟฟ้า จัดงานฉลอง 22 ปี โครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ส่งต่อแนวคิดสร้าง “คน” สร้างนิเวศการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษและเปิดงาน พร้อมด้วยคุณศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย และคุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย ผู้บริหารโครงการทุนกรุงไทยการไฟฟ้า และคณะกรรมการ ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรสำคัญด้านการพัฒนาการเรียนรู้ของเยาวชนระดับประเทศเข้าร่วมงาน ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ตรงกับวันเยาวชนแห่งชาติ สะท้อนการให้ความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนที่ภาคเอกชนได้ลุกขึ้นมาทำงานด้านการให้โอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยมีนักเรียนทุนและตัวแทนศิษย์เก่าของชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้าเข้าร่วม เพื่อนำข้อคิดจากปาฐกถาพิเศษของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ไปใช้เป็นหลักในการศึกษาและชีวิตการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเมื่อได้รับโอกาส และเปลี่ยนโอกาสนั้นสู่การเป็นคนคุณภาพ ตอบแทนประเทศ
นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการถอดบทเรียนสำคัญของการทำงานด้านการศึกษา ได้มีการนำเสนอผลลัพธ์งานวิจัยโครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด โดย ผศ.ดร.สราวุธ เวชกิจ หัวหน้าทีมวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอผลลัพธ์งานวิจัยที่ชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้าได้ทำงานเพื่อสังคมด้านการให้ทุนการศึกษาตั้งแต่วันแรก เพื่อเป็นโมเดลสำคัญแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าหากจะทำงานด้านนี้นอกจากต้องมีนโยบายที่มุ่งมั่นของผู้บริหาร งบประมาณที่สนับสนุนต่อเนื่อง เช่น มีการปรับอัตราทุนตามสถานการณ์จริงที่เยาวชนจะต้องใช้จ่ายจริงในการศึกษา
ทั้งนี้ประกอบด้วย ระบบการจัดการที่ดี มีกระบวนการทำกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้รับทุนต่อเนื่อง มีการติดตามและประเมินผล ถึงจะได้ผลสัมฤทธิ์ที่เยาวชนได้ศึกษาต่อเนื่องจนถึงปริญญาตรี มีงานทำ กลับไปพัฒนาท้องถิ่น และที่สำคัญ การปลูกฝังคุณธรรมและแนวคิดที่สร้างสรรค์สังคม ส่งผลต่อผู้รับทุนที่จะเลือกส่งต่อประโยชน์แก่สังคมรอบข้าง
โดยเห็นได้ชัดจากข้อมูลของเยาวชนไทยที่ได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่องจากชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า ซึ่งเป็นทุนให้เปล่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันเกือบสองพันคนทั่วประเทศ เป็นระดับปริญญาตรี และระดับอาชีวศึกษาร้อยละเก้าสิบเมื่อศึกษาจบมีเป้าหมายประกอบอาชีพพัฒนาบ้านเกิด
ซึ่งเลือกอาชีพที่ช่วยเหลือผู้อื่น อาทิ แพทย์เฉพาะทาง พยาบาล นักวิจัย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เกษตรกรรุ่นใหม่ วิศวกร เจ้าหน้าที่ในสายอุตสาหกรรม ผู้นำวิสาหกิจชุมชน ครูอาจารย์ บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข ธุรกิจส่วนตัวไปจนถึงเป็นผู้ประกอบการที่ช่วยต่อยอดสร้างอาชีพและรายได้ให้กับท้องถิ่น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ความเหมือนกันของนักเรียนทุนที่ถือเป็น DNA ของผู้ที่ได้รับทุนจากชาร์ปคือพวกเขาต้องการคืนประโยชน์สู่สังคมรอบข้างในวันที่พวกเขามีอาชีพและศึกษาจบ เหมือนที่พวกเขาได้รับการปลูกฝังทัศนคติของการให้จากกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างรับทุน
นอกจากนี้เพื่อตอกย้ำการสนับสนุนแนวคิดเพื่อสร้างเครือข่ายของการพัฒนาเยาวชนให้กับประเทศ อย่างยั่งยืน ผู้บริหารโครงการทุนการศึกษา คุณศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย และคุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย พร้อมด้วย ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข คณบดีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายสำคัญของชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า ได้ขึ้นเสวนา แลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อ นิเวศการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดว่า
ก้าวจากนี้ของการทำงานเพื่อสังคมชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า จะมีบทบาทอย่างไรต่อการส่งต่อแนวคิด และสนับสนุนภาคีเครือข่ายสำคัญที่เชื่อมต่อกับสังคม ช่วยให้ประเทศได้พัฒนาเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังหลักที่สำคัญของประเทศ โดยมีคุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินรายการช่วงเสวนา
ซึ่งปี 2566 โครงการทุนการศึกษาฯ เข้าไปส่งเสริม สนับสนุน โหมดการเรียนรู้ภาคอีสานที่มีความเข้มแข็ง ทั้งครูผู้สอน ผู้เรียนคือเยาวชนและชุมชน 4 พื้นที่ ได้แก่ นิเวศการเรียนรู้กาฬสินธุ์ และ นิเวศการเรียนรู้ มหา’ลัยไทบ้าน (จังหวัดขอนแก่นและเลย) และนิเวศการเรียนรู้อุดรธานี
ซึ่งความร่วมมือในการสนับสนุนนิเวศการเรียนรู้ ดังกล่าวมีเป้าหมาย 3 ระดับ ได้แก่ เป้าหมายระดับบุคคล คือบุคลากรทางการศึกษาได้รับการส่งเสริมสมรรถนะการเรียนรู้ที่มีความหมายต่อผู้เรียน ผู้เรียนเองเกิดการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะการคิดที่เชื่อมโยงความหลากหลายระหว่างผู้เรียนกับท้องถิ่นได้
เป้าหมายระดับเครือข่าย เกิดการพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ของตนเอง สร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ของตนเอง เป้าหมายระดับประเทศ เกิดกลไกขับเคลื่อนการศึกษาระหว่างโรงเรียนกับชุมชนให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเข้มแข็ง โดยสนับสนุนงบประมาณให้กับการพัฒนาโหนด พัฒนาเวทีเยาวชนสร้างสรรค์ (creative youth) ในพื้นที่ และติดตามถอดบทเรียน นำมาเป็นนวัตกรรมของเยาวชนในพื้นที่
นอกจากนี้ในอนาคตคาดว่าจะเกิดความร่วมมือครั้งสำคัญกับอีกหลายภาคีที่สำคัญของประเทศ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางศึกษา เป็นต้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของการสร้าง “คน” คุณภาพ สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสพัฒนาเยาวชนในมิติต่างๆ ที่จะกลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศ