svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ผ่าปมปัญหา"ถนนทรุดพระราม 3" จี้ถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงไหน

18 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

วงเสวนา "ปชป." ชี้แก้ปัญหา"ถนนทรุดพระราม 3" ต้องมีแผนร่วม  กทม. ต้องเป็นเจ้าภาพหลัก แก้ปัญหาแบบบูรณาการ ลดการเกิดปัญหาซ้ำซาก

 

18 ธันวาคม 2565 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนา  "ถนนทรุดพระราม 3 ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน"  โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย "ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" อดีตนายกสภาวิศวกร ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ "นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย" ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง สายปฏิบัติการระบบส่ง "นายอภิมุข ฉันทวานิช" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินรายการโดย "นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์

 

พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนา " ถนนทรุดพระราม 3 ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน”

 

"นายองอาจ คล้ามไพบูลย์" รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. กล่าวเปิดงานเสวนา ว่าเหตุการณ์ถนนทรุดพระราม 3 ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนน หลายคนเกิดคำถามและมีความรู้สึกตรงกันว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำซาก จึงอยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สอนใจ แนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายวางแผนงานแบบบูรณาการร่วมกัน โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด 

ผ่าปมปัญหา\"ถนนทรุดพระราม 3\" จี้ถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงไหน

 

ทางด้าน "นายอภิมุข ฉันทวานิช" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชนซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว ได้ตั้งคำถามถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง และกรุงเทพมหานคร ว่า ทำไมจึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยไม่มีแนวทางป้องกันแก้ไข และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงขณะที่มีการซ่อมแซมถนน

 

ทั้งนี้ถนนเส้นพระราม 3 ทรุดตัวเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 3-4 เดือน สร้างปัญหากับประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก ล่าสุดวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิด “อภิมหารถติด” ยาว 17 กิโลเมตร ซึ่งทราบว่าเกิดขึ้นจากการก่อสร้างเพื่อนำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้านครหลวง จนส่งผลกระทบมหาศาลต่อผู้ใช้รถใช้ถนน โดยไม่มีเจ้าหน้าที่แม้แต่คนเดียวเข้ามาอำนวยความสะดวก และก่อนหน้านี้จากกรณีถนนทรุดก็เคยทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว ที่สำคัญในบริเวณดังกล่าวไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบรายละเอียดต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

 

อาทิ หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ขั้นตอนการดำเนินการแก้ไข วิธีการแก้ไข รวมถึงระยะเวลาในการก่อสร้างที่จะคืนผิวการจราจรให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ กรณีนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องมีแผนรวมแบบบูรณาการ โดย กทม. ต้องเป็นเจ้าภาพหลักในการประสานกับหน่วยงานทุกฝ่าย 

 

“เราต้องการผู้ว่าฯ ที่เป็นนายช่าง ที่ต้องรู้เรื่องช่าง และสามารถพูดภาษาเดียวกับประชาชนให้รู้เรื่อง และที่สำคัญก็คือมีวิธีบริหารจัดการที่ดี  คนกรุงเทพฯ ควรมีโอกาสที่จะมีทัศนียภาพสวยงาม มีเมืองที่น่าอยู่โดยไม่ต้องแลกด้วยความไม่ปลอดภัยของประชาชน” นายอภิมุข กล่าว

 

ขณะที่ "นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย" ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง สายปฏิบัติการระบบส่ง  กล่าวถึงปัญหาการรั่วซึมเกิดจากการไหลของน้ำและทรายทำให้ชั้นดินทรุดตัว จึงต้องแจ้งให้ปิดสะพาน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ปัจจุบันได้เร่งดำเนินการแก้ไขตามหลักวิศวกรรม และมีการตรวจวัดระดับการทรุดตัวและความลาดเอียงตอม่อสะพานทุกชั่วโมง พบว่าไม่มีการขยับตัวหรือทรุดเพิ่มเติมอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งนี้ได้มีการคืนพื้นผิวจราจรบางส่วน และติดป้ายประชาสัมพันธ์บอกเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมกับกล่าวว่าอุปสรรคต่างๆ จากกรณีนี้ ทำให้เกิดการเรียนรู้ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น ทำให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยลง ดังนั้นตนจึงขออภัยในความไม่สะดวกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และย้ำว่าจะพยายามดำเนินการให้เป็นตามแผนเพื่อคืนพื้นที่สวยงามให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด

 

"ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" อดีตนายกสภาวิศวกร ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์

 

ทางด้าน "ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" อดีตนายกสภาวิศวกร ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์  ได้วาดผังชี้ให้เห็นถึงสภาพปัญหาที่ทำให้เกิดถนนทรุดตัวว่า ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการก่อสร้างนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องมีความรู้ที่แม่นยำทางด้านวิศวกรรม โดยเฉพาะสภาพของชั้นใต้ดินใน กทม. ที่ประกอบด้วย ดินโคลน ดินเหนียว และดินทราย พร้อมกับย้ำว่าทุกพื้นที่ของกทม. มีความเสี่ยง แม้สภาพดินจะไม่มีปัญหาในการก่อสร้างมากนัก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย จึงเสนอให้มีการผลักดันเพื่อให้เกิดศูนย์กลางการทำงานแบบบูรณาการใน กทม. มีแผนการทำงานร่วมกัน โดยให้ กทม. เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด

 

ผ่าปมปัญหา\"ถนนทรุดพระราม 3\" จี้ถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงไหน

 

"การก่อสร้างใต้ดินต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญ 3  ส่วนหลัก คือ 1.ลักษณะดินของกรุงเทพฯ ไม่ใช่ดินที่น่ากลัวที่สุด ในต่างประเทศเจอมากกว่านี้ อาทิ เมกซิโกเป็นดินขี้เถ้าจากภูเขาไฟ เกิดการทรุดตัวเป็นเมตร  รองลงมาคือดินเกาะ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์  ส่วนยุโรปเหนือ เนเธอร์แลนด์ ลักษณะดินเป็นซากใบไม้ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าน้ำจึงเกิดการทรุดตัวสูง ดังนั้นลักษณะดินในกรุงเทพฯ จึงไม่ยาก แต่การก่อสร้างใต้ดินทุกประเภทนั้นอันตราย มีความเสี่ยงสูง 2. ถ้าจะทำให้ดีทำได้ แต่ต้องรู้สาเหตุและการป้องกันได้ในอนาคต 3.มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ดูแล แก้ไข  ความรับผิดชอบควรมีแผนรวม โดยมีกทม.เป็นเจ้าภาพบัญชาการหลักเพื่อเชื่อมประสานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  ถึงเวลาแล้วที่ กทม. ต้องเป็นเจ้าภาพทั้งหมด" ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

logoline