svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เลื่อนอ่านฎีกา คดี “ธาริต” แจ้งข้อหามิชอบ ‘มาร์ค-เทพ’ สั่งฆ่า ปชช. ปี 53

09 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลเลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 6 คดี “ธาริต” กับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย “อภิสิทธิ์ –สุเทพ” สลายม็อบ นปช. เป็น 2 ก.พ.ปีหน้า เหตุมีผู้ร้องเพิ่มเข้ามาในคดี ส่วน “ธาริต” ไม่มาอ้างป่วยนิ่วในไต ต้องผ่าตัดพักฟื้น 4 เดือน

9 ธันวาคม 2565 ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 6 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 

เลื่อนอ่านฎีกา คดี “ธาริต” แจ้งข้อหามิชอบ ‘มาร์ค-เทพ’ สั่งฆ่า ปชช. ปี 53

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ในฐานะพนักงานสอบสวน

ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน


ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง

กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 54 -13 ธ.ค.55 จำเลยทั้ง 4 ในฐานะพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษทางอาญา จากการที่ ศอฉ. ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

เลื่อนอ่านฎีกา คดี “ธาริต” แจ้งข้อหามิชอบ ‘มาร์ค-เทพ’ สั่งฆ่า ปชช. ปี 53 เลื่อนอ่านฎีกา คดี “ธาริต” แจ้งข้อหามิชอบ ‘มาร์ค-เทพ’ สั่งฆ่า ปชช. ปี 53

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี  โดยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 แต่โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเห็นว่าจำเลยทั้งสี่ กระทำผิดตามฟ้องให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

แต่จำเลยทั้ง 4 คน ยื่นฎีกา และยื่นคำร้องอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในคดีขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ และทนายความยื่นใบรับรองแพทย์อ้างว่า นายธาริต ป่วย  รวมทั้ง นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในฐานะผู้เสียหายในคดีด้วย

ต่อมาเวลา 12.15 น.ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณานัดฟังคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลย 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3-4 และในฐานะผู้รับ มอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้ง 4 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มา

ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไต ทั้งด้านซ้ายและ ด้านขวา มีอาการปวดอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาพร้อมปัสสาวะ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยการผ่าตัดนิ่วทั้งสองข้าง ใช้เวลารักษารวม 4 เดือน

และจำเลยที่ 1ได้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีขึ้น พิจารณาใหม่เป็นคดีหมายเลขดำ ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างไต่สวน ซึ่งหากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดี อาจมีผลต่อการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ทั้งในคดีนี้ได้มีญาติของผู้เสียชีวิตบางรายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ ฝ่ายที่ 3 แต่ยังอยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเหตุจำเป็นทั้งหมดจำเลย ที่ 1 จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปสักนัด ตามคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่ 7 ธ.ค.65 สำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้ว

ส่วนทนายโจทก์ที่ 1-2 แถลงว่า คดีนี้มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายนัด ประกอบกับญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งยื่นคำขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม สามารถยื่นคำร้องดังกล่าวเข้ามาในคดีได้ ก่อนมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด เหตุการณ์ตามฟ้องมีผู้เสียชีวิตมากถึง 99 คน หากมีการยื่นคำร้องเข้ามาเรื่อยๆ อาจทำให้ต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกหลายนัด เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทำให้ศาลชั้นต้นไม่อาจสั่งคำร้องต่างๆ ที่ยื่นมาใน ระหว่างนี้ได้ เป็นเหตุให้คดีล่าช้า หากให้ศาลฎีกาเป็นผู้อ่านคำพิพากษาเองจะเป็นการสะดวกและ รวดเร็วยิ่งกว่า

ส่วนอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ยังมีคำร้องหลายฉบับที่อยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้าน ศาลนี้จึงยังไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง หากศาลฎีกามีคำสั่งประการ ใดอาจส่งผลต่อดุลพินิจในการทำคำพิพากษาคดีนี้ได้ กรณีมีเหตุจำเป็นไม่อาจอ่านคำพิพากษาศาล ฎีกาไปในวันนี้ได้

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเร่งรัดคดีให้สามารถอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้ โดยเร็ว จึงเห็นสมควรให้คู่ความทุกฝ่ายรับสำเนาคำร้องต่างๆ ในสำนวนไปในวันนี้ หากบุคคลใด ประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลภายในวันที่ 5 ม.ค.หากไม่ยื่นภายใน กำหนดให้ถือว่าไม่ติดใจยื่นอีก และให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสำนวนพร้อมคำร้องทั้งหมดส่งศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งโดยเร็ว

ทั้งนี้ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ปรากฏว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาอีกครั้ง อ้างว่าป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประกอบกับมีประเด็นญาติผู้ตายจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 ยื่นคำร้องเข้ามาหลายราย

ศาลจึงกำหนดมาตรการว่า ใครจะยื่นคำร้องอะไรให้ยื่นเสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 ม.ค.2566  หลังจากนั้นจะส่งไปยังศาลฎีกา พร้อมกับนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 2 ก.พ.2566 เวลา 09.00 น. นอกจากนี้ศาลได้กำชับเรื่องอาการป่วยของ นายธาริต จำเลยที่ 1 ว่าครั้งหน้าถ้ามีปัญหาแบบนี้อีก ศาลจะใช้ดุลยพินิจและมีคำสั่ง ทำให้วันนี้ ( 9 ธ.ค.65 ) จำเป็นต้องเลื่อนคำพิพากษาออกไปก่อน จึงยังไม่มีคำสั่งใดๆ 

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์

เมื่อถามว่า ฝ่ายโจทก์มีความกังวลว่าจำเลยที่ไม่มาศาลหลายครั้ง อาจจะหลบหนีหรือไม่ นายสวัสดิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ไปกังวล เพราะว่าคงเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับศาลมากกว่า

 

 

logoline