เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
24 พฤศจิกายน 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ในพิธี Kick Off มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2565 / 2566 ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง / นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน / นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม / และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคณะ
โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้แวะทักทายประชาชนพร้อม ตบอกอกข้างซ้าย ส่งสัญลักษณ์มือ I love you ส่งให้กับประชาชน พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นถอยออกจากตนเอง และเปิดกว้าง เพื่อทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับกว่าหลายพันคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน ตนได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่น ขอบคุณบรรดาผู้นำหลายส่วนที่ได้มาตอนรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรประชาชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ตนมาหลายครั้งไม่เคยผิดหวัง ทุกคนมีความรักความสามัคคีกันดีมากๆ ขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจจริง ก่อนที่จะแนะนำคณะที่เดินทางมาด้วย และกล่าวแซวเจ้าหน้าที่ธนาคาร ธ.ก.ส. ว่าเสื้อเขียวนี้มาจาก ธ.ก.ส. ใช่หรือไม่ ส่วนแถวหน้าซึ่งเป็นประชาชนนี้เป็น ธ.ก.ส. ด้วยหรือเปล่า หรือมารับเงิน ธ.ก.ส. ใส่เสื้อเขียวมา
ทั้งนี้รู้สึกยินดีที่ได้มาพบกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกคน และได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ มาเรียบร้อยแล้ว มีความสบายใจ และอุทิศขอพรให้กับประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ซึ่งเป็นคติพจน์ในใจของตนตลอดมา ยินดีได้มาพบปะกับเกษตรกรแต่ได้ ร่วมในพิธีมอบเงินในโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการเพาะปลูก 2565 / 2566 เพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้ รักษาเสถียรภาพด้านราคา มีรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ระบุ จะไม่พูดตามเอกสารที่เตรียมไว้ให้ แต่จะพูดในสิ่งที่ตนคิดสิ่งที่ตนทำ และเดินหน้ามาโดยตลอด เราทราบดีอยู่แล้วว่าไทยนั้น มีศักยภาพมากมาย แล้วเรื่องของการเกษตร เป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกได้ แต่เราต้องมีการพัฒนาปรับปรุง จะต้องบริหารจัดการเข้าให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต ตลาดกลางตลาดข้าวที่มีคุณภาพของโลก วันนี้เราต้องพูดถึงเศรษฐกิจ BCG คือจะทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไปด้วย
โดยนายกรัฐมนตรียัง ระบุอีกว่า เราเป็นแผ่นดินแห่งความร่มเย็นสงบสุข แต่เราต้องมาดูว่าจะทำการเกษตรของเราอย่างไรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ต้องมองไกลจากตัวเราเองสักนิด ตนเข้าใจว่าแต่ละวัน ทุกคนคงนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรปลูกอย่างไร ใช้หนี้อย่างไรจะขายได้หรือเปล่าไม่รู้ เราต้องคิดให้ไกลกว่าเดิมให้พ้นจากตัวเองสักนิด เพราะที่ผ่านมาเราทำอะไรไว้อย่างไร เวลาผมพูดรัฐบาลแนะนำ ขอให้ลองคิดดูว่า ผมบังคับท่านไม่ได้ หากทำอย่างที่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จงภูมิใจในการอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ให้มากที่สุด เป็นดินแดนแห่งความสุขสงบและสันติ ใต้ร่มเงาของทุกศาสนา ที่เรียกว่าพหุวัฒนธรรม เราอยู่ร่วมกันได้คนไทย แตกแยกกันไม่ได้ หากแตกแยกกันเมื่อใดศักยภาพต่างๆ ขีดความสามารถที่เรามีอยู่หมดไปทันที เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องเริ่มจากตัวของเราไปถึงชุมชน ไปถึงสังคม และระดับประเทศต้องรักกันนั่นคือประเด็นสำคัญที่สุด และรัฐบาลไม่ว่าจะผมหรือใครก็ตามจะต้องทำให้สิ่งเหล่านี้เข้มแข็งขึ้น เติบโตขึ้นรวมพลังให้มากยิ่งขึ้น ที่จะเดินหน้าประเทศต่อไป เราทำแบบเดิมทั้งหมดไม่ได้อยู่แล้ว ตนก็คาดหวังว่าสิ่งที่ตนทำไว้จะเป็นพื้นฐานเป็นแนวทางและจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ไปเรื่อยๆ
โดยในช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวกับเกษตรกรว่า ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลมีอยู่กระเป๋าเงินอยู่กระเป๋าเดียว แต่ต้องแจกจ่ายไปยังหลายกระเป๋า เพราะประชาชนมีอยู่หลายประเภท นอกจากเกษตรกรแล้ว ก็ยังมีธุรกิจเอกชน ที่ผ่านมาตนเข้าใจถึงความยากลำบากของท่าน ท่านลำบาก ผมยิ่งลำบากกว่าท่าน แต่ผมไม่ลำบากเหนื่อยกายเหนื่อยใจเท่าท่าน แต่ผมเหนื่อยที่ต้องแก้ไขปัญหาให้กับพวกท่านอย่างไร นี่คือหัวใจของการเป็นรัฐบาล หัวใจของการเป็นอะไรก็แล้วแต่ต้องนึกถึงประชาชนให้มากที่สุด
โดยในช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทราบดีว่าปัญหาของเกษตรกรนั้นเยอะมากทั้งปัญหาดินที่เสื่อมโทรม ราคาปุ๋ยราคาราคากำจัดวัชพืชตก 4,000-5,000 บาท เพราะฉะนั้นราคาข้าวต่างกันน้อย เราก็เดือดร้อน หนี้สินเก่าเราก็มี เพราะฉะนั้นตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของผมมาตลอดตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีวันแรกจนถึงวันนี้ และคงอยู่ไปอีกนาน ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับประชาชนและสร้างเสียงหัวเราะ พร้อมเสียงปรบมือได้เป็นอย่างดี พร้อมกับระบุว่าเดี๋ยวจะตีความผิด ว่าผมอยู่ไปอีกนานในทำนองนี้ ผมว่าความรู้สึกแบบนี้อยู่กับผมไปอีกนาน เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก คือใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ ลองคิดดูว่าที่ตนพูดนั้นถูกไหม ทำแล้วนอกจากถูกต้องก็ต้องถูกใจด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ในการประชุมเอเปค หากบ้านเมืองของเราไม่ดีเขาคงไม่มากันมากขนาดนี้ 800 กว่าเที่ยวบิน เหมือนผึ้งตอมรัง ความสุขความสดชื่นความยิ้มแย้มแจ่มใส ความทุกข์ขอให้เก็บไว้ ค่อยๆแก้ค่อยๆระบาย หากระบายออกด้วยความเกลียดชังไม่มีอะไรจะดีขึ้น นอกจากความปลูกฝังการเกลียดชังไปเรื่อยๆแล้วเราก็จะทรมาน ตนขอยืนยันว่าไม่ใช่ศัตรูใครทั้งสิ้น อย่าลืมว่าเงินทั้งหมดไม่ใช่ของผมหรือธนาคาร แต่เป็นเงินที่สมาชิกนำเข้ามา เป็นเงินของประชาชนเหมือนกัน การที่รัฐบาลนำเสนอไปใช้ก็ต้องรับผิดชอบ แนะนำงบประมาณภาครัฐเข้ามาเติมให้
วันนี้ตนมาเพื่อให้เห็นหน้าเห็นตากันทำสัญญาใจกัน ว่าเอาใจช่วยกัน ไปด้วยกันให้ได้แต่เรื่องของการทำให้ประเทศเราปลอดภัยเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี มันต้องใช้เวลา ไม่ใช่ปีเดียว หรือ 2 ปีไม่ใช่ ที่ตนอยู่มาวันนี้หลายปีก็ทำอะไรไปได้เยอะพอสมควร พร้อมกับระบุว่า ตนไม่ได้พูดว่าอยากหรือไม่อยากอยู่อะไรทั้งสิ้นไม่เกี่ยว เดี๋ยวจะตีความกันผิดอีก เป็นยุทธศาสตร์แผนแม่บทที่จะส่งต่อรัฐบาลต่อไป หากทำต่อแบบนี้ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องการให้เกษตรกรนั้นมีรอยยิ้ม ยิ้มสู้ยิ้มไปเถอะ จะเจ็บปวดหรืออะไรก็ขอให้ยิ้มเข้าไว้ ความสุขอยู่ที่ใจ อาจจะมีความทุกข์ผมก็ทุกข์ ที่ผมยิ้มอยู่นี้ในใจก็ร้อน เข้าใจหรือไม่ แต่เราก็ยิ้ม ยิ้มให้ใครยิ้มให้ทุกคนที่แวดล้อม เขาเห็นหน้าเรามาปรับทุกข์ผูกมิตร เห็นหน้าโมโหตลอดเวลาก็ไม่กล้าเข้าหากันคุยกันไม่ได้ ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องของอารมณ์
วันนี้คืองานของรัฐบาล ที่พวกเราได้ร่วมมือกันมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอย่างน้อยก็ได้ประโยชน์บ้างเพราะในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตนต้องการมาให้กำลังใจและสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันทุกคนอยู่ตรงนี้ทุกคนไม่มีหยุดคิด เพราะเมื่อผมไม่หยุดเขาก็ต้องไม่หยุด ต้องไปหาวิธีการแก้ไขปัญหามาให้ได้ผมเอาโจทย์ให้รัฐมนตรี กระทรวงในเรื่องอะไรก็ทำไปอะไรต้องบูรณาการร่วมกันก็ต้องทำ นั่นคือรัฐบาล นั่นคือตัวแทนที่เลือกมาจากประชาชนทั้งหมด วันนี้ก็อยากให้กำลังใจกับกลุ่มเกษตรกร ถึงแม้ส่วนใหญ่จะมาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวก็ตาม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวติดตลกว่า บางทีตนจำวันเดือนปีไม่ได้ บางทีเซ็นไปวันไหนยังไม่รู้เลยเซ็นย้อนผิดทุกวัน เพราะไม่เคยได้ดูนาฬิกาสักเท่าไหร่ เพราะบางทีก็ยุ่งคิดมากไป ต้องคิดให้น้อยลงสักหน่อย ที่คิดทั้งหมดไม่ได้คิดอะไรคิดแต่เรื่องงาน คิดถึงประชาชนเวลาที่เขาลำบากกว่า อะไรที่จะต้องไปทำให้เขาต่อไป
นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่คนเก่งอะไรมากมาย เพียงแต่ดูศึกษาและคิด วันๆก็คิด แล้วก็ระบายไปยังคณะรัฐมนตรี คนเก่งเยอะแยะไป หากส่งไปนานแล้ว ไม่กลับมาก็ต้องถามหน่อย ว่าทำไมไม่เห็นผลออกสักที และหันมาถามว่า ครม. มีอะไรพูดหรือไม่เขาคุยกันอยู่แล้วแหละ ตนคิดว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นด้วยการรวมพลังของพวกเรา โอเคนะ เริ่มปวดหัวแล้ว ตั้งใจจะพูดแป๊บเดียว แต่เห็นข้างหน้ายิ้ม ก่อนที่จะแซวว่า นายกให้ยิ้มแล้วจะไม่ยิ้มได้อย่างไร พี่สันติเขาสั่งให้ยิ้ม ใช่หรือไม่ ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากประชาชนได้เป็นอย่างมาก และกล่าวว่า ยิ้มเถอะครับ ยิ้มครองโลก ยิ้มให้เมียหรือยังเช้านี้ สามียิ้มหรือยัง ยิ้มใส่กันทั้งวัน เขาว่าบ้าก็ยิ้ม จะให้โมโหใส่กันทั้งวันได้อย่างไร ยิ้มให้กันแล้วจะคุยกันได้ปรับเคมีตรงกันก็ไปกันได้ แบ่งพวกแบ่งฝ่ายได้อะไรขึ้นมา แบ่งสีแบ่งสันพอกันแล้ว ขอบคุณทุกคนครับ ชาวเพชรบูรณ์ที่รักทุกคน