เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พลเอก เฉลิมพล เผยผลการประชุมว่า การดำเนินการเริ่มต้นปีงบประมาณ 2566 สิ่งที่สำคัญคือได้นำนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มาชี้แจงให้ในที่ประชุมรับทราบ รวมถึงนโยบายของกองบัญชาการกองทัพไทย ในการปฏิบัติงานเร่งด่วนในปี 2566 ที่ทหาร ตำรวจ ต้องปฏิบัติตามภารกิจที่กำหนดไว้ เพื่อตอบสนองภารกิจในภาพรวม และปฏิบัติงานตามสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ให้มีความทันสมัย และตอบสนองประชาชน
พลเอก เฉลิมพล กล่าวว่า นโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ มีเนื้อหาหลักเร่งด่วนในปี 2566 จำนวน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การเสริมสร้างด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ อาทิ ภารกิจ พิทักษ์ ปกป้อง เทิดทูนสถาบัน กิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน การติดตามสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคและระดับโลก การเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพและตามแนวชายแดน
2.การเสริมสร้างกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามหลักธรรมาภิบาล พัฒนาระบบงานให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน และการใช้จ่ายงบให้เป็นไปตามข้อกำหนด และ 3.การสนับสนุนงานรัฐบาล อาทิ การประชุมเอเปค 2022 การจัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม และการช่วยเหลือประชาชน จากสาธารณภัยต่าง ๆ ร่วมกับสาธารณภัย และเอกชน
พลเอก เฉลิมพล กล่าวว่า ส่วนการพัฒนายุทโธปกรณ์และด้านต่าง ๆ ภายใต้งบประมาณที่จำกัดนั้น แนวทางของกองทัพคือการดำรงสภาพ และการเสริมสร้างยุทโธปกรณ์ โดยกองทัพได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายของประเทศในด้านอื่น ๆ อีกมาก ที่เกี่ยวกับการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน แต่ในด้านการทหารก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน ในการดำรงสภาพความพร้อมให้ต่อเนื่อง
โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง กองทัพมีแผนงานดำรงสภาพและเสริมสร้าง ทั้งยุทโธปกรณ์ และกำลังพลให้มีความพร้อมปฏิบัติการได้ เพราะการปฏิบัติการด้านทหาร จำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมการด้านการสร้างคน เพื่อให้กำลังพลแต่ละนายมีความพร้อม และมีประสิทธิภาพยืนยันว่ากองทัพจะปฏิบัติภายใต้กรอบของงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หากงบประมาณไม่เพียงพอ ก็จะกำหนดเป็นงานเร่งด่วน เพื่อดูแลประชาชน