
19 ธันวาคม 2568 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะ และผู้บริการ และข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหารือแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ โดยมี นายสงกรานต์ มูลวิจิตร อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย และนางสาวจินดา ธนาดำรงค์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะฯ ได้เยี่ยมชม 3 จุดหลัก ได้แก่ จุดที่ 1 ศูนย์พัฒนากาแฟไทย (DIPROM Thai Coffee Center) ซึ่งเป็นศูนย์กลางพัฒนาและยกระดับกาแฟอาราบิก้าภาคเหนือแบบครบวงจร (Northern Boutique Arabica Hub) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมีการพัฒนา ทดสอบ และถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านคุณภาพ มาตรฐาน การคั่ว-ชง-ชิม แปรรูป และบ่มเพาะผู้ประกอบการ ภายใต้โมเดล "DIPROM CAFÉ"
จุดที่ 2 ศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมเครื่องเขินภาคเหนือ (DIPROM Northern Lacquerware Center) ซึ่งเป็นการสืบทอดภูมิปัญญาหัตถกรรมของภาคเหนือ ผ่านการยกระดับจากงานฝีมือดั้งเดิม (Craftsmanship) สู่ความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) รวมถึงยกระดับมูลค่าเครื่องเขินเชื่อมโยงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่ตลาดสากล
และจุดที่ 3 ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (DIPROM ITC) เป็นศูนย์ที่สนับสนุน SMEs และวิสาหกิจชุมชนในกลุ่มเกษตรแปรรูปและอาหาร ให้สามารถปรับตัวและพัฒนาเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมยุคใหม่ โดยให้บริการทดสอบการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงให้บริการเครื่องมือและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเพื่อสนับสนุนการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Pilot Plant) และให้คำปรึกษาแนะนำด้านการทดสอบเชิงพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะฯ เดินทางไปยัง ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคเหนือ (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) ซึ่งดำเนินงานด้านการตรวจสอบและเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ 16 จังหวัดภาคเหนือ มีหน้าที่หลักในการศึกษา วิจัย และเฝ้าระวังมลพิษโรงงาน ทั้งทางน้ำ อากาศ และเสียง ผ่านระบบติดตามระยะไกลที่เรียกว่า POMS ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลการระบายมลพิษจากปล่องควัน (CEMS) และการระบายน้ำทิ้ง (WPMS) จากโรงงานทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 อย่างใกล้ชิด โดยศึกษาการกระจายตัวของมลพิษและสัดส่วนของฝุ่นตามประเภทเชื้อเพลิงที่โรงงานใช้ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่นควันเชิงรุก ทั้งนี้ นอกจากภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ศูนย์ฯ ยังมุ่งเน้นการบริการที่โปร่งใสและรวดเร็ว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ E-Report สำหรับการรายงานผลวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งมีแผนในอนาคตที่จะยกระดับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ในการวิเคราะห์มลพิษทางอากาศ และจัดตั้งศูนย์กลางความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างยั่งยืน
นายธนกร และคณะฯ ยังเดินทางไปเยี่ยมชม บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ โดยมี นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายประทีป เอ่งฉ้วน รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายนันทกร ศรีสัจจะเสิศวาจา ผู้อำนวยการบริหารทั่วไป บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นิคมฯ ให้ความสำคัญกับการยกระดับนิคมฯ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีการนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ รวมทั้งดำเนินกิจกรรม CSR ต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนรอบนิคมฯ เช่น การแจกทุนการศึกษา การใช้พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในชุมชน การดูแลสุขภาพผู้สูงวัยด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ การฝึกอาชีพชุมชนรอบนิคมฯ และการนำสมุนไพรที่มีในท้องถิ่นเข้ามาแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นต้น
สำหรับ บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์สื่อสารและเครือข่ายสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์พกพาส่วนบุคคล ในบริษัทชั้นนำของโลก ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน มีพนักงานมากกว่า 6,800 คน โดยในปี พ.ศ. 2566 บริษัทฯ ขยายพื้นที่และเพิ่มการลงทุนโรงงานใหม่แห่งที่ 2 ในชื่อว่า บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฝั่งตะวันตก หรือ MTL-WEST ก่อให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่จังหวัดลำพูนและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก