19 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(18 ส.ค.) ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ดินแดง กรุงเทพมหานคร มีการสมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปี พ.ศ. 256 โดยนายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) 5 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยมีวาระสำคัญพิจารณา คือ ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
ในที่ประชุม นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อให้สภากรุงเทพมหานคร พิจารณาในวาระที่สองและวาระที่สาม โดยมีคณะกรรมการวิสามัญฯ 62 ท่าน ได้ประชุมและพิจารณากลั่นกรองงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2566 จำนวน 16 ครั้ง และได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณางบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 42 คณะ พร้อมรับฟังเหตุผลความจำเป็นในการขอตั้งงบประมาณ รายจ่ายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณาโดยยึดหลักของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นโยบายของรัฐและผู้บริหารกรุงเทพมหานคร แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกรุงเทพมหานคร และพิจารณาโดยยึดหลักความคุ้มค่า ความเหมาะสมของพื้นที่ สภาวะเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและกรุงเทพมหานคร
คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณางบประมาณที่ฝ่ายบริหารตั้งขอมา รวมจำนวน 79,825,132,600 บาท มีมติปรับลดงบประมาณ จำนวน 4,803,793,728 และเห็นชอบรายการงบประมาณรายจ่าย ที่ผู้บริหารได้เสนอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณเท่ากับจำนวนเงินที่ปรับลด ส่วนงบประมาณรายจ่ายของการพาณิชย์กรุงเทพมหานคร ได้ปรับลด 106,120,550 บาท รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวนทั้งสิ้น 79,719,012,050 บาท
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวขอบคุณสภากรุงเทพมหานครและคณะกรรมการวิสามัญฯ ที่ได้ร่วมกันพิจารณางบปี 66 ของกทม.ผ่านวาระ 3 ฝ่ายบริหารจะนำงบประมาณที่ได้รับไปใช้ด้วยความรอบคอบ มีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างบริการประชาชน โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้การใช้งบมีความคุ้มค่าที่สุด
“ภาระหน้าที่ของฝ่ายบริหารและสภากทม.ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ดูแลประชาชน บทบาทที่สำคัญคือการสร้างความมั่นใจและไว้ใจให้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื่อมั่นว่าระบอบประชาธิปไตยยังคงระบอบการปกครองที่เข้มแข็ง ตอบโจทย์ และโปร่งใส โดยเฉพาะการกระจายอำนาจท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญ อำนาจของฝ่ายบริหาร และอำนาจของสภากรุงเทพมหานครจึงสามารถตอบโจทย์ประชาชน ด้านความโปร่งใสและคุ้มค่าได้เป็นอย่างดี” นายชัชชาติ กล่าว
หลังจากนั้นนายชัชชาติ ในฐานะผู้ว่าฯ กทม.ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร 2 เรื่อง คือ การให้เงินรางวัลประจำปีแก่ข้าราชการกรุงเทพมหานครและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ... และ เรื่อง ทุนส่งเสริมการวิจัยทางการแพทย์สาธารณสุข พ.ศ. ... และที่ประชุมได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ 2 คณะ เพื่อพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ทั้ง 2 เรื่อง คณะฯ ละ 16 ท่าน กำหนดพิจารณาภายใน 15 วัน
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังการประชุมสภากรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณกทม. ปี 2566 ว่า เป็นการทำงานครั้งแรกกับสภากรุงเทพมหานคร และถือว่าเป็นการทำงานราบรื่น สภากรุงเทพมหานครได้พิจารณาผ่านงบประมาณที่สอดคล้องกับนโยบาย และมีการปรับนโยบายตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ โดยเป็นนโยบายเชิงเส้นเลือดฝอยมากขึ้น มีเงินที่ลงมาที่เขตเพิ่มขึ้นกว่า 1,100 ล้านบาท เนื่องจากเขตเป็นหัวใจของเส้นเลือดฝอย นอกจากนี้งบประมาณของสำนักการศึกษา สำนักพัฒนาสังคม สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็เพิ่มขึ้น ในขณะที่งบกลางซึ่งผู้ว่าฯ จะมีอำนาจเบิกจ่ายลดลง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและสามารถตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนได้ตรงจุด จากนี้คงต้องเร่งรัดการดำเนินการและเน้นเรื่องความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ
“ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีที่ทุกคนได้ร่วมมือกัน ซึ่งได้กล่าวกับสภากทม.ไปว่า จริงๆ แล้วมิติการทำงานของเรากับสภาในเทอมนี้มีความหมายมากกว่าการบริหารกรุงเทพมหานคร นั่นคือการสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่นให้กลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ให้เห็นว่าการเลือกตั้งก็สามารถเป็นคำตอบที่ดี สามารถสร้างทางเลือกที่มีประสิทธิภาพต่อประชาชน เป็นการยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง มีความโปร่งใส เป็นมิติที่ดีซึ่งทุกคนได้ทำงานร่วมกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงพรรค มาเพื่อทำงานให้ชาวกทม. ที่มีการกังวลว่าเป็นผู้สมัครอิสระจะไม่สามารถทำให้งบประมาณกทม.ผ่านสภาได้ ก็จะบอกว่าถ้าเราทำเพื่อประชาชน มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มีความโปร่งใสและทำเพื่อประชาชน เชื่อว่าทุกคนจะร่วมมือกันได้ ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ดีใจที่วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
สำหรับการเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การให้เงินรางวัลประจำปีแก่ข้าราชการกรุงเทพมหานครและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ... เข้าสู่ที่ประชุมสภากทม.ในวันนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การทำงานทุกงานไม่สามารถสำเร็จได้ถ้าขาดข้าราชการหรือบุคลากรของกรุงเทพมหานคร ทุกท่านถือเป็นโซ่ข้อสุดท้ายที่เชื่อมกับประชาชน ไม่ว่านโยบายจะดีแค่ไหนก็ตาม หากฝ่ายปฏิบัติไม่มีขวัญกำลังใจ การทำงานก็จะลำบาก การให้เงินรางวัลก็คล้ายกับการทำงานของเอกชนที่ให้ตามผลงาน หากมีผลงานดีก็จะมีค่าตอบแทนให้ในอัตราที่เหมาะสม ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครยังไม่มีการออกข้อบัญญัติ เป็นเพียงการออกระเบียบ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ติงมา เรื่องการจ่ายเงินที่ไม่มีข้อบัญญัติรองรับ วันนี้จึงได้นำร่างข้อบัญญัติเรื่องดังกล่าวเข้าสู่สภากทม.เพื่อพิจารณา เพื่อให้กำลังใจแก่คนที่ทำงานอย่างเหมาะสม โดยสภากรุงเทพมหานครจะช่วยพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีความสอดคล้องกับการจัดเก็บ