“ตกปลาบ่อเดียวกัน” ก้าวไกล-เพื่อไทยซัดนัว

พรรคก้าวไกล เป็นพรรคน้องใหม่ ที่เกิดจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็เวียนว่ายตายเกิดมาจากการยุบพรรคไทยรักไทย แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ 2 สองพรรคการเมือง มาห้ำหั่นกันในเวลานี้

สาเหตุที่แท้จริงคือ ทั้ง 2 พรรค มีฐานเสียงเดียวกัน และช่วงนี้เป็นช่วงที่ประเมินกันว่า รัฐบาลเริ่มนับถอยหลังแล้ว ทั้งสองพรรคจึงต้องชิงคะแนนนิยมทางการเมืองจากฐานเสียงเดียวกัน 

ย้อนไปดูคะแนนเลือกตั้ง 2 ครั้งหลังสุดแล้วจะเข้าใจ เมืองไทยอยู่ในสภาพการเมือง 2 ขั้ว ตั้งแต่ยุคอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร นั่นก็คือ “ขั้วไม่เอาทักษิณ” กับ “ขั้วไม่ปฏิเสธทักษิณ” โดยคะแนนเสียงสนับสนุนทั้ง 2 ขั้วนี้ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก และฝั่งไม่ปฏิเสธทักษิณ เอาชนะได้ในสนามเลือกตั้งมาแทบทุกครั้ง ที่สำคัญ คะแนนของแต่ละฝั่ง ไม่ค่อยมีคนย้ายข้าง เพียงแต่เปลี่ยนพรรคเลือกตามกระแสในช่วงนั้นๆ 

ย้อนไปดูการเลือกตั้งปี 54 ขั้วไม่เอาทักษิณ  พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 11.4 ล้านคะแนน  พ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ที่ได้ประมาณ 15 ล้านคะแนน 

ต่อมาการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์คะแนนวูบ เหลือเพียง 3.9 ล้านคะแนน แต่คะแนนไม่ได้หายไปไหน ย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ที่นายกฯลุงตู่ เป็นแคนดิเดต และมีจุดยืนชัดเจน “ไม่เอาทักษิณ” ยิ่งกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้กวาดคะแนนไปได้ถึง 8.4 ล้านคะแนน เมื่อรวมกัน 2 พรรค คะแนนอยู่ที่ 12.3 ล้านคะแนน ใกล้เคียงกับที่ประชาธิปัตย์เคยได้เมื่อการเลือกตั้งปี 54 

ข้ามไปดู “ขั้วไม่ปฏิเสธทักษิณ” กันบ้าง / เลือกตั้งปี 54 พรรคเพื่อไทยได้ไป 15.7 ล้านคะแนน และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 

พอมาเลือกตั้งปี 62 พรรคเพื่อไทยส่ง ส.ส.ไม่ครบทุกเขต ตามยุทธการแตกแบงก์พัน และเจอฤทธิ์ของ “บัตรใบเดียว” ทำให้คะแนนวูบเหลือ 7.8 ล้านคะแนน  แต่คะแนนที่เคยได้ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ย้ายไปอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันคือพรรคก้าวไกล) ที่กวาดไปถึง 6.2 ล้านคะแนน เมื่อรวมคะแนนของ 2 พรรค จะอยู่ที่ 14 ล้านคะแนน ใกล้เคียงกับ 15 ล้านคะแนนที่เพื่อไทยเคยได้เมื่อการเลือกตั้งปี 54 

นี่คือตัวเลขฐานคะแนนที่ทำให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล ต้องฟัดกันเอง เพราะ”ตกปลาในบ่เดียวกัน”

ยิ่งขณะนี้ก้าวไกลใช้แกนนำแถวสองมานำพรรค เนื่องจากแถว 1 โดนตัดสิทธิ์จากการยุบพรรคไปแล้ว การเดินเกมทางการเมืองจึงต้องเข้มข้นจริงจัง ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ยิ่งฟัดกันหนักขึ้น ต้องรอดูว่าจะกระทบกับการอภิปรายงบประมาณ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่