
สถานการณ์ใน สงครามรัสเซียยูเครน กลับมาทวีความรุนแรงถึงขีดสุดในช่วงเช้ามืดของวันที่ 27-28 ธันวาคม 2568 เมื่อกองทัพ รัสเซีย ระดมสรรพาวุธโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งใส่กรุง เคียฟ โดยใช้โดรนพลีชีพ Shahed กว่า 519 ลูก และขีปนาวุธหลากชนิดอีก 40 ลูก รวมถึงขีปนาวุธเหนือแสง "Kinzhal" และขีปนาวุธนำวิถี "Iskander"
ปฏิบัติการครั้งนี้กินเวลานานเกือบ 10 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่าเป็นจงใจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและอุตสาหกรรมทหารของยูเครน เพื่อตัดกำลังในช่วงฤดูหนาว
ผลจากการโจมตีอย่างบ้าคลั่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย รวมถึงชายชราวัย 71 ปี และมีผู้บาดเจ็บพุ่งสูงถึง 46 ราย (มีเด็กรวมอยู่ด้วย 2 ราย) นอกจากนี้ การที่โรงไฟฟ้าหลัก TPP-5 ถูกโจมตี ทำให้บ้านเรือนกว่า 320,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ และพื้นที่ 1 ใน 3 ของกรุงเคียฟต้องขาดระบบทำความร้อน (Heating) ท่ามกลางอุณหภูมิที่ลดต่ำลงใกล้ 0 องศาเซลเซียส
ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้ออกมาประณามการกระทำครั้งนี้อย่างรุนแรง โดยระบุว่านี่คือหลักฐานชัดเจนว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ต้องการสันติภาพจริงตามที่กล่าวอ้าง
"รัสเซียให้คำตอบกับความพยายามสันติภาพด้วยขีปนาวุธและโดรนนับร้อยลูก ปูตินไม่ได้ต้องการทางออกทางการเมือง เขาต้องการทำลายล้างเรา" เซเลนสกีกล่าว
ที่น่าจับตามองคือ ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 24 ชั่วโมง ก่อนที่เซเลนสกีมีกำหนดการเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ฟลอริดา เพื่อหารือแผนสันติภาพ 20 ข้อ นักวิเคราะห์มองว่านี่คือการส่งสัญญาณ "ข่มขวัญ" จากฝั่งเครมลินก่อนการเจรจาระดับโลกจะเริ่มขึ้น