ไต้หวันซ้อมรบ "ฮั่นกวง" นาน 10 วัน ส่งสัญญาณถึงจีนที่หวังรวมชาติ

การซ้อมรบด้านการป้องกันตนเองของไต้หวัน ที่มีชื่อว่า "ฮั่นกวง" ซึ่งมีความหมายในทางเทคนิคว่า "การยึดแผ่นดินใหญ่กลับคืน" เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2527 โดยมีทหารนับพันนายเข้าร่วมในการฝึกซ้อมขนาดใหญ่ทั้งทางบก ทางทะเลและทางอากาศ เพื่อแสดงขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ล่าสุดของไต้หวัน

โดยปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 กรกฎาคม และถือเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่และยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากใช้เวลาถึง 10 วัน นานกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่า

แม้วัตถุประสงค์หลักของการซ้อมรบ คือการเตรียมความพร้อมให้ประชาชน รับมือกับความเป็นไปได้ในการถูกโจมตีจากจีน ขณะเดียวกันก็แสดงศักยภาพด้านการป้องกันต่อสาธารณชน และส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงรัฐบาลจีน ที่อ้างสิทธิเหนือไต้หวันที่ปกครองตนเอง และให้คำมั่นว่าจะ "รวมชาติ" กับไต้หวันในวันใดวันหนึ่ง โดยไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง ซึ่งแนวโน้มนี้ได้จุดกระแสความกังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างที่อาจดึงให้สหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรหลักของไต้หวัน เข้ามามีส่วนร่วมด้วย

ความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ ที่จีนจะโจมตีไต้หวัน ทำให้การซ้อมรบฮั่นกวง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสำคัญยิ่งขึ้น โดยปีนี้ ไต้หวันได้จำลองสถานการณ์ผ่านการอภิปรายและวางแผนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการซ้อมรบจริงด้วยกระสุนจริง (live-fire drills) และใช้อาวุธยุทโธปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น เครื่องยิงจรวด โดรน และขีปนาวุธที่พัฒนาโดยไต้หวันเอง รวมถึงระบบยิงจรวดเคลื่อนที่ไฮมาร์ส (Himars) ที่เพิ่งจัดหาจากสหรัฐฯ และเป็นระบบเดียวกับที่สหรัฐฯ ส่งมอบให้ยูเครน โดยมีพิสัยยิงไกลกว่าระบบที่ไต้หวันใช้อยู่ในปัจจุบันอย่างมาก


การซ้อมรบครั้งนี้ มีทหารกองหนุนเข้าร่วมประมาณ 22,000 นาย เพิ่มขึ้นราว 50% จากปีที่แล้ว และบางส่วนจะเน้นรับมือกับยุทธวิธีสงครามแบบพื้นที่สีเทา (grey zone) ที่จีนใช้กดดันไต้หวันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเครื่องบินรบ และเรือรบล้ำเข้าน่านฟ้าและน่านน้ำอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การซ้อมรบฮั่นกวงได้รวมองค์ประกอบด้านการป้องกันพลเรือน โดยมีประชาชนทั่วเกาะเข้าร่วมการฝึกอพยพ และการรับมือเหตุโจมตีทางอากาศหลายรอบผ่านการฝึก "ความยืดหยุ่นในเขตเมือง" (urban resilience) ที่แต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทางการจะส่งสัญญาณเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ เกี่ยวกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งเปิดเสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศในเขตเมือง การจราจรบนท้องถนนจะถูกจำกัด ศูนย์คมนาคมขนส่ง ร้านค้า โรงแรม และตลาดต่างๆ ระงับการให้บริการชั่วคราว

.