เลขาธิการ NATO เตือน "จีนร่วมมือรัสเซีย" ก่อสงคราม
"มาร์ค รุตเต้" เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) เตือนว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อ "จีน-รัสเซีย" บุกดินแดนที่ต้องการควบรวม
7 กรกฎาคม 2568 มาร์ค รุตเต้ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) เตือนว่า
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะปะทุขึ้นได้ ด้วยการรุกรานพร้อมกันของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่จะทำให้โลกเกือบถึง "จุดจบ"
รุตเต้ ให้สัมภาษณ์ New York Times บอกว่า จีนจะเริ่มต้นด้วยการพยายามยึดครองไต้หวัน ส่วนรัสเซียก็จะเข้าโจมตีอดีตดินแดนในเครือสหภาพโซเวียต (USSR) ได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ที่เป็นสมาชิก NATO ในปัจจุบัน จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเพิ่มอาวุธในคลังแสง และงบประมาณด้านการทหาร
รุตเต้ ยังมีมุมมองอนาคตที่น่ากลัว โดยบอกว่า "อย่าไร้เดียงสาในเรื่องนี้เลย ถ้าสี จิ้นผิง โจมตีไต้หวัน เขาจะต้องโทรศัพท์หา วลาดิมีร์ ปูติน หุ้นส่วนของเขา ให้โจมตีดินแดนของ NATO เพื่อดึงความสนใจจากพันธมิตรในยุโรป
"นั่นเป็นวิธีที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด และเพื่อขัดขวางพวกเขา เราต้องทำ 2 อย่าง อย่างแรก ต้องให้ NATO แข็งแกร่งมากจนรัสเซียไม่มีทางทำเช่นนี้ได้ และอย่างที่สอง คือ การทำงานร่วมกับอินโด-แปซิฟิก
ซึ่งประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์กำลังส่งเสริมอย่างมาก เพราะมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในการทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ นวัตกรรมระหว่าง NATO และอินโด-แปซิฟิก"
รุตเต้ เตือนว่า ปูตินกำลังเร่งจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เราเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ และที่สำคัญคือ รัสเซียกำลังฟื้นฟูตัวเองด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ และปัจจุบัน พวกเขาผลิตกระสุนได้เพิ่มขึ้นสามเท่าในสามเดือนเมื่อเทียบกับที่ NATO ผลิตได้ในหนึ่งปี ทั้งยังร่วมมือกับเกาหลีเหนือ จีน อิหร่าน และกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ในสงครามรุกรานยูเครนโดยไม่ได้รับการยั่วยุนี้
ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ตอบโต้อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ บนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดีย X ว่า เขาคงกินเห็นเมา (magic mushrooms) ที่เป็นของโปรดของชาวดัทช์มากเกินไปจนเพี้ยน แต่เขาพูดถูกเรื่องหนึ่ง ว่า เขาควรเรียนภาษารัสเซีย มันอาจจะมีประโยชน์ในค่ายไซบีเรีย"
ทั้งนี้รัสเซียยังคงโจมตียูเครนต่อไป หลังจากปูตินแจ้งทรัมป์ทางโทรศัพท์ว่า เขาไม่มีเจตนาที่จะยุติสงคราม ซึ่งรัสเซียใช้ทั้งขีปนาวุธ S-300 และโดรนมากกว่า 100 ลำ สร้างความเสียหายหลายพื้นที่ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
