21 มิถุนายน 2568 ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะโจมตีหรือไม่ บรรดาผู้นำชาติอาหรับได้หารือกันในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน โดยพวกเขาเกรงว่า การเข้ามาเกี่ยวข้องของสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศในอ่าวเปอร์เซียที่เป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ ตกอยู่ในอันตราย และอาจถึงขั้นทำให้การส่งออกน้ำมัน และก๊าซของพวกเขาต้องหยุดชะงัก ถ้าอิหร่านตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ
นับตั้งแต่ที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้ปกครองของซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ได้หารือกับประธานาธิบดีาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่าน เพื่อแสดงความ "ปรองดอง" และประณามการโจมตีของอิสราเอลซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเจ้าผู้ครองนครแห่งกาตาร์ กับสุลต่านแห่งโอมาน ได้เจรจากับเปเซชเคียน ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย UAE กาตาร์ และคูเวต ได้พูดคุยกับอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อันเป็นการแสดงเจตนารมย์ว่า ไม่ขอเกี่ยวข้องกับสงครามในครั้งนี้ "ย่อมมีความผิดร่วมกันถ้าสหรัฐฯ เข้าต่อสู้กับอิหร่าน"
นอกจากเข้าหาอิหร่านแล้ว บรรดารัฐในอ่าวเปอร์เซียเหล่านี้ ยังให้ กาตาร์ กับ โอมาน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอิหร่านที่สุด เป็นตัวแทนในการส่งสารจากอิหร่านไปถึงสหรัฐฯ ว่า ยินดีจะเจรจา แต่มีเงื่อนไขว่าอิสราเอล จะต้องหยุดโจมตีก่อน ส่วนมหาอำนาจของอ่าวอาหรับอย่างซาอุดิอาระเบีย และ UAE มีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับอิหร่าน โดยกล่าวหา อิหร่านมายาวนานว่าบั่นทอนเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสนับสนุนมาตรคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ล่าสุด UAE ยังส่งเครื่องบินบรรทุกเวชภัณฑ์ไปช่วยอิสราเอลด้วย