
คณะติดตามการคว่ำบาตรพหุภาคี (Multilateral Sanctions Monitoring Team) หรือ MSMT ที่ประกอบด้วยสมาชิก 11 ประเทศ ของสหประชาชาติ และก่อตั้งหลังจากรัสเซียใช้สิทธิ์วีโต ระงับการต่ออายุคณะกรรมการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ออกรายงานล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (29 พฤษภาคม)
แม้ว่ารายงานบางส่วน จะมีรายละเอียดที่ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ก็ตีแผ่ขอบเขตและขนาดของอาวุธ ที่น่าตกตะลึงที่ส่งไปจากเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน รวมทั้งกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืน 9 ล้านนัด กองกำลังทหารมากกว่า 11,000 นาย เมื่อปี 2567 และกองกำลังทหารอีก 3,000 นาย ในช่วงต้นปีนี้ ตลอดจนครื่องยิงจรวด ยานพาหนะ ปืนขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ปืนใหญ่หนักประเภทอื่นๆ และขีปนาวุธพิสัยไกลอย่างน้อย 100 ลูก
"ซึ่งต่อมาถูกยิงเข้าไปในยูเครนเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและสร้างความหวาดกลัวให้กับพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ เช่น กรุงเคียฟและเมืองซาโปริซเซีย"
รายงานระบุว่า "ความร่วมมือที่ผิดกฎหมายรูปแบบเหล่านี้ระหว่าง (เกาหลีเหนือ) กับรัสเซีย มีส่วนทำให้รัสเซียสามารถเพิ่มการโจมตีด้วยขีปนาวุธต่อเมืองต่างๆ ของยูเครน รวมถึงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนที่สำคัญ"
ในทางกลับกัน รัสเซียมอบอาวุธและเทคโนโลยีที่มีค่าต่าง ๆ ให้กับเกาหลีเหนือ เช่น อุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และน้ำมันกลั่น (refined oil) ทั้งยังให้ข้อมูลป้อนกลับ (data feedback) เกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกลของเกาหลีเหนือ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการนำวิถีขีปนาวุธของเกาหลีเหนือด้วย
"ทำให้เกาหลีเหนือสามารถระดมทุนสำหรับโครงการทางทหาร และพัฒนาโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลต่อไปได้ ซึ่งโครงการเหล่านี้ "ต้องห้าม" ภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหลายฉบับ ทั้งยังทำให้เกาหลีเหนือได้สัมผัสประสบการณ์ตรงจากสงครามสมัยใหม่ด้วย
ผลการค้นพบนี้ ได้อ้างอิงจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการ MSMT และหลักฐานสนับสนุนจาก "Open Source Centre" หรีอ OSC ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรในสหราชอาณาจักร ที่ใช้ข้อมูลที่เข้าถึงได้สำหรับการวิจัย และองค์กรวิจัยในสหราชอาณาจักร "Conflict Armament Research" หรือ CAR
รายงานระบุว่า ทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือละเมิดมาตรการห้ามขายอาวุธของสหประชาชาติ และกำลังถ่ายโอนอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารผ่านผู้กระทำการ และเครือข่ายที่หลบเลี่ยงการคว่ำบาตร ที่ทั้งสองประเทศน่าจะยังคงให้ความร่วมมือทางทหารกันต่อไป "อย่างน้อยก็ในอนาคตอันใกล้"
ซึ่งในแถลงการณ์ร่วม ประเทศสมาชิกที่อยู่เบื้องหลังโครงการ MSMT ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือ "ใช้การทูตที่มีประโยชน์" ขณะที่รัฐบาลตะวันตกเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวของความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศ
สหรัฐฯ ได้เตือนว่า รัสเซียอาจใกล้ที่จะแชร์เทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียมขั้นสูงกับเกาหลีเหนือ เพื่อแลกกับการสนับสนุนสงครามในยูเครนต่อไป ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ยอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนว่า ทหารเกาหลีเหนือเข้าร่วมการสู้รบเพื่อยึดดินแดนของรัสเซียคืน หลังจากที่ยูเครนบุกเข้าไปในภูมิภาคูร์สค์ เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังยืนยันการประจำการทหารที่นั่นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนด้วย
เจ้าหน้าที่ยูเครนอ้างว่า แม้ว่ากองทหารเกาหลีเหนือจะถูกส่งไปประจำการที่คูร์สค์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่พวกเขาก็ถอนตัวจากแนวหน้าในเดือนมกราคม หลังจากมีรายงานการเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ทั้งสองประเทศปฏิเสธว่า เกาหลีเหนือไม่ได้ส่งอาวุธให้รัสเซีย แม้จะมีหลักฐานมากมายก็ตาม แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศที่สำคัญ ซึ่งบรรลุเมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นว่าจะใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่เพื่อให้ความช่วยเหลือทางทหารทันที ในกรณีที่อีกฝ่ายหนึ่งถูกโจมตี โดยปูตินได้เตือนว่า เขาจะจัดหาอาวุธให้เกาหลีเหนือ ถ้าชาติตะวันตกยังคงส่งอาวุธให้ยูเครนต่อไป
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาติพันธมิตรของยูเครน ได้ยกเลิกคำสั่งห้ามยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเข้าไปในรัสเซีย หลังจากรัสเซียถล่มทางอากาศอย่างหนักต่อเมืองหลวงของยูเครนและภูมิภาคอื่นๆ ต่อเนื่องหลายวัน และขณะที่สหรัฐฯ เริ่มไม่พอใจปูตินมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ไม่มีข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้นเสียที