
การประชุมสุดยอดคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) และอาเซียนครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในวันอังคาร (27 พฤษภาคม) และชีค ซาบาห์ อัลคาลิด อัล-ซาบาห์ มกุฎราชกุมารแห่งคูเวต ในฐานะประธาน GCC ตรัสเปิดการประชุมว่า ในด้านเศรษฐกิจและการลงทุน GCC ยินดีอย่างมากที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 7 อาเซียนในปี 2023 ด้วยมูลค่า 130,700 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% จนแตะ 180,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 โอกาสการลงทุนในสองภูมิภาคมีสูงมาก และนอกจากด้านการค้าแล้ว พระองค์มองว่า จำเป็นต้องพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนด้านยุทธศาสตร์ในด้านอื่น ๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ กล่าวด้วยว่า ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนและGCC ไม่เคยสำคัญมากเท่าเวลานี้ ในขณะที่ทั้งสองภูมิภาคกำลังเผชิญภูมิทัศน์ของโลกที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความท้าทายของภูมิรัฐศาสตร์ เขาบอกด้วยว่า ทั้งอาเซียนและGCC มีทั้งแนวทางและความรับผิดชอบที่จะส่งเสริมเสถียรภาพและเป็นกลไกการเติบโตในอนาคต
GCC ประกอบด้วย 6 ชาติผู้ผลิตน้ำมัน ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ภูมิภาคนี้มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับสหรัฐฯ และกำลังพยายามสร้างความใกล้ชิดกับจีนมากขึ้นด้วย
และการประชุมสุดยอดสามฝ่ายระหว่างอาเซียน, GCC และจีน ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันนี้ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีนจะเข้าร่วมด้วย ในขณะที่จีนกำลังพยายามชูภาพลักษณ์ในฐานะพันธมิตรที่ไว้ใจได้สำหรับภูมิภาคนี้
การประชุมมีขึ้นในขณะที่แต่ละประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และชาติอาเซียน ที่พึ่งพาการค้าและการส่งออกเป็นหลัก กำลังพยายามแสวงหาตลาดอื่นเพื่อบรรเทาผลกระทบ