svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

จับตาทรัมป์งัดไพ่ใบไหน ต่อรองให้ปูตินตกลงยุดยิงในยูเครน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกจับตาว่าจะมีทักษะการเจรจามากแค่ไหนจากการพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในคืนนี้ เพื่อโน้มน้าวให้ยอมรับแผนหยุดยิงในยูเครน

ทำเนียบเครมลินของรัสเซีย เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ จะสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงเวลาราว 20.00 น.-22.00 น.ของวันอังคาร (18 มีนาคม) ตามเวลาไทย และทั้งสองมีความเข้าใจระดับหนึ่งจากผลการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่ายในเวลาต่อมา แต่ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับปกติ และแนวทางยุติสงครามในยูเครน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นหัวข้อในการพูดคุยของผู้นำทั้งสอง และไม่มีกำหนดกรอบเวลาของการสนทนา โดยทั้งคู่จะพูดคุยกันนานเท่าที่จำเป็น

ขณะที่การพูดคุยครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการเดิมพันที่สูงมากสำหรับทรัมป์ โดยจะเป็นบททดสอบทักษะการเจรจาข้อตกลง และความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขากับปูติน  ที่กำลังทำให้ชาติพันธมิตรจับตาด้วยความกังวล

ทรัมป์คาดหวังให้ปูตินยอมรับข้อเสนอของเขาที่กำหนดให้มีการหยุดยิงนาน 30 วันในยูเครน และเจรจาเพื่อหาทางยุติสงครามที่ยาวนาน 3 ปีได้อย่างถาวร หลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ยอมรับข้อตกลงไปแล้ว ขณะที่ปูตินบอกว่าเห็นด้วยกับหลักการ แต่ตั้งคำถามและเงื่อนไขหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง การเฝ้าสังเกตการณ์การหยุดยิง ยูเครนต้องไม่เสริมกำลังทหารและอาวุธระหว่างหยุดยิง และนาโตต้องไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก

ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าในแผนสันติภาพระยะยาว อาจครอบคลุมประเด็นยูเครนยอมสละดินแดนที่รัสเซียยึดครองได้ และการควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ขณะที่นักวิเคราะห์ มองว่า ปูตินเป็นคู่เจรจาที่พูดคุยต่อรองได้ยากมาก และเขาจะพยายามแสดงให้ดูว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าทรัมป์ พร้อมกับอาจแสร้งทำเห็นด้วยในบางเรื่อง แต่จะเรียกร้องและยื่นเงื่อนไขมากกว่าฝั่งยูเครน และสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ ปูตินอาจเสนอข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่สร้างรายได้มหาศาลเพื่อโน้มน้าวทรัมป์ได้สำเร็จ

ทรัมป์ถูกมองว่าเปลี่ยนจุดยืนหันเข้าหารัสเซีย หลังจากกล่าวโทษว่ายูเครนเป็นต้นเหตุของสงคราม และโต้เถียงกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีอย่างดุเดือดแบบไม่ไหว้หน้าที่ทำเนียบขาว รวมถึงระงับความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข่าวกรองเพื่อหวังกดดันให้ยอมเจรจายุติสงคราม และยอมทำข้อตกลงแบ่งปันทรัพยากรแร่สำคัญแก่สหรัฐฯ  เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือที่ผ่านมาในช่วงสงคราม