กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยในวันอังคาร (11 มีนาคม) ว่า กองทัพสามารถยิงทำลายโดรน 337 ลำที่ยูเครนส่งโจมตีทั่วรัสเซีย ซึ่ง 91 ลำพุ่งเป้าโจมตีแคว้นมอสโก และผู้ว่าการแคว้นมอสโก เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คน และผู้บาดเจ็บ 6 คน จากการโจมตีที่เริ่มขึ้นช่วง 4.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
การโจมตีสร้างความเสียหายรุนแรงแก่อาคารที่อยู่อาศัยหลายหลัง และสนามบิน 2 แห่งในกรุงมอสโก และอีก 2 แห่งทางตะวันออกของเมืองต้องปิดบริการเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้เศษชิ้นส่วนที่ร่วงสู่พื้นทำให้เกิดไฟลุกไหม้ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง ทำให้รถยนต์กว่า 20 คัน ถูกเผาวอด
แอนดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน เปิดเผยว่า การโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้พุ่งเป้ากรุงมอสโกและแคว้นมอสโก และเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ว่า ควรยอมรับข้อเสนอหยุดยิงที่ยูเครนจะเสนอในการเจรจากับสหรัฐฯ ที่ซาอุดิอาระเบีย
นอกจากนี้กองทัพอากาศยูเครน เปิดเผยด้วยว่า รัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนช่วงเช้ามืดเช่นกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และผู้บาดเจ็บ 18 คน
การโจมตีมีขึ้นก่อนที่คณะเจรจาของยูเครน ที่มีทั้งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ, รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหม จะพบปะกับคณะเจรจาของสหรัฐฯ ที่มีทั้งมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และไมค์ วอล์ตซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เมืองเจดดาห์ของซาอุดิอาระเบียในวันนี้
และแอนดรี เยอร์มัค หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครน โพสต์ในเทเลแกรมว่า รัฐบาลจะปกป้องผลประโยชน์ของชาวยูเครน และมีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการยุติสงคราม รวมทั้งจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับคณะเจรจาของสหรัฐฯ
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน พบหารือกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุดิอาระเบียที่เมืองเจดดาห์เมื่อวันจันทร์ (10 มีนาคม) เพื่อหารือเรื่องเงื่อนไขสำหรับข้อตกลงสันติภาพถาวร ซึ่งรวมถึงการปล่อยตัวเชลยสงครามและการส่งคืนเด็ก ๆ ที่ยูเครนอ้างว่าถูกรัสเซียลักพาตัวไป
ส่วนรูบิโอ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐฯ ต้องการฟังข้อเสนอของยูเครนในการเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย และผลการเจรจาจะเป็นตัวกำหนดว่าสหรัฐฯ จะกลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนตามเดิมหรือไม่ หลังจากระงับลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้เขาไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกรอบข้อตกลง แต่บ่งชี้ว่า ยูเครนอาจต้องยอมเสียดินแดน ในส่วนที่รัสเซียยึดครองไปตั้งแต่ปี 2557
ขณะที่การเจรจาในวันนี้อาจจะยังไม่มีการตกลงเรื่องการแบ่งปันทรัพยากรแกร่ของยูเครนแก่สหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่า เป็นการตอบแทนความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ในช่วงสงคราม
เดิมสหรัฐฯ และยูเครนเกือบลงนามข้อตกลงดังกล่าวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว แต่ต้องยกเลิกหลังเกิดการโต้เถียงกันดุเดือดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีเซเลนสกีในทำเนียบขาว