ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ในทรูธ โซเชียลว่า นานเกินไปแล้วที่สหรัฐฯ ผลิตเพนนีด้วยต้นทุนกว่า 2 เซนต์ เป็นเรื่องสิ้นเปลือง และเขาได้สั่งให้สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังหยุดผลิตเหรียญเพนนีใหม่
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตัดรายจ่ายของรัฐบาล และคำสั่งมีขึ้นหลังจากกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่ถูกจับตาว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อรัฐบาลของทรัมป์ ได้จุดประเด็นความสนใจของสังคมเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตเหรียญเพนนีผ่านการโพสต์ใน X เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เกิดการถกเถียงเรื่องต้นทุนและประโยชน์ของเหรียญ 1 เซนต์นี้
เหรียญเพนนีผลิตครั้งแรกในปี 2336 และข้อมูลจากรายงานประจำปีของโรงกษาปณ์สหรัฐฯ ในปี 2567 ระบุว่า การผลิตและและการหมุนเวียนเหรียญ 1 เซนต์ มีต้นทุน 3.69 เซนต์
ในอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลและสมาชิกสภาคองเกรสเสนอให้เลิกใช้เพนนีแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ผู้ที่สนับสนุนให้เลิกใช้เพนนี บอกว่า เหรียญที่ผลิตด้วยสังกะสีและทองแดงเป็นการสิ้นเปลืองเงินและทรัพยากร ขณะที่ผู้คัดค้าน แย้งว่า การมีเหรียญย่อยช่ยให้ราคาสินค้าถูกลง และกระตุ้นการระดมเงินบริจาคเพื่อการกุศล
ขณะที่บางประเทศยกเลิกการใช้เหรียญ 1 เซนต์แล้ว โดยแคนาดาเลิกผลิตตั้งแต่ปี 2555 โดยอ้างต้นทุนการผลิตและอำนาจซื้อที่น้อยลงของเหรียญ เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น และสหราชอาณาจักรไม่ผลิตเหรียญเพนนีใหม่ในปี 2567 แล้ว