คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) กล่าวในแถลงการณ์ว่า กองทัพเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ประมาณ 100 ลูกไปยังบริเวณนอกชายฝั่งตะวันตก และ 150 ลูกไปที่รอบนอกชายฝั่งตะวันออกเมื่อวันอังคาร (18 ต.ค.) โดยกระสุนปืนใหญ่ทั้งหมดไม่ได้ตกลงในน่านน้ำของเกาหลีใต้ แต่ตกในเขตกันชนทางทะเลที่ทั้งสองประเทศกำหนดขึ้นภายใต้ข้อตกลงเมื่อปี 2018
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งที่สองที่เกาหลีเหนือยิงกระสุนเข้าไปในเขตกันชนนับตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงปี 2018
“เราขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการกระทำโดยทันที” JCS กล่าวในแถลงการณ์ “การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของคาบสมุทรเกาหลีและประชาคมระหว่างประเทศ”
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โฆษกกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ (KPA) กล่าวว่า การยิงดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อส่ง “คำเตือนอย่างร้ายแรง” ไปยังเกาหลีใต้ ที่เริ่มทำการซ้อมรบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 ต.ค.) ที่บริเวณชายแดนตะวันออก
เจ้าหน้าที่ของ KPA กล่าวว่า "การซ้อมรบต่อต้านเกาหลีเหนือกำลังดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง KPA ต้องทำการเตือนด้วยการยิงปืนใหญ่ไปยังทะเลตะวันออกและตะวันตก เพื่อแสดงมาตรการตอบโต้ทางทหาร”
“เกาหลีใต้ควรหยุดการซ้อมรบยั่วยุครั้งนี้ทันที เนื่องจากจะทำให้ความตึงเครียดทางทหารในพื้นที่แนวหน้าทวีความรุนแรงขึ้น”