เงินเฟ้ออังกฤษทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ใน 40 ปี
อังกฤษเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค. พุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 40 ปี และทะลุ 10% เป็นครั้งแรก สร้างความยากลำบากแก่ครัวเรือนมากยิ่งขึ้น
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือน ก.ค. เพิ่มสูงขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงขึ้นเกิน 10% ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2525 และเพิ่มขึ้นจาก 9.4% เมื่อเดือน มิ.ย. และราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น 12.7% จากเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูง
ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้จากการสำรวจของรอยเตอร์ และราคาอาหารทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 14 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาขนมปังและธัญพืช นม ชีสและไข่ พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลและค่าโดยสารเครื่องบิน มีส่วนทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น
เงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำสถิติใหม่นี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษ อาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่เช่นเดียวกับการปรับขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 27 ปี เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว โดยข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่า มูลค่าเศรษฐกิจมวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ลดลง 0.1% ในไตรมาสสองของปีนี้
ธนาคารกลางเตือนว่าเงินเฟ้ออาจสูงเกิน 13% ภายในปีนี้ โดยจะมีปัจจัยจากค่าพลังงานที่ครัวเรือนต้องจ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นในเดือน ต.ค. ขณะที่ปัจจุบันค่าไฟสูงขึ้น 54% และค่าก๊าซเพิ่มสูงขึ้น 95.7% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สถานการณ์ในขณะนี้ซ้ำเติมผู้บริโภคที่มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ทันเงินเฟ้อ โดยแม้มีรายงานค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นเพียง 4.7% ช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. แต่รายได้เฉลี่ยลดลง 3% เมื่อมีการปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นอัตราค่าจ้างแท้จริงที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บสถิติเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว
ยิ่งกว่านั้นธนาคารกลางเตือนว่า อังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยภายในปีนี้ โดยเศรษฐกิจอาจหดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และหดตัวต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีหน้า