"หนุ่ม กรรชัย" เคลียร์อีกรอบปมดราม่าเชื่อมจิต ท้า! กล้ามั้ยมาออกโหนกระแส

โดยทางพิธีกรเบอร์หนึ่งของวงการ "หนุ่ม กรรชัย" ได้ไล่เรียงเหตุการณ์ดราม่าปมเชื่อมจิตให้ฟังว่า

"จริง ๆ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่ 18 ธันวาคม ปี 66 ในโหนกระแส วันนั้นมีการพูดคุยเรื่องราวของน้องคนนึง เราเองไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยนะ บอกแค่เด็ก 8 ขวบ ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ มีหลายคนพยายามเล่นเรื่องนี้กัน มีไปร้องเรียน มีหลายคนที่บอกว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่า เพราะมีภาพบางภาพซึ่งเห็นตัวเด็กแล้วมีนาคปรกมาคลุมข้างหลัง ทุกคนเห็นก็จะเข้าใจว่าเด็กคนนี้คือพระพุทธเจ้ามาเกิดหรือเปล่า ในมุมฝ่ายครอบครัวเขาบอกเป็นลูกของพระพุทธเจ้า เขาคือองค์พญานาคนะ พอเราพาดหัวออกไป เขาก็ไม่พอใจ ในมุมเราก่อนหน้านี้ก็มีสื่ออื่นลงอยู่แล้ว และในเนื้อรายการเราก็บอกไว้ว่าเราไม่เหยียดความเชื่อใคร แล้วมีคนพยายามจะบอกว่าตัวน้องเป็นแบบนี้ ๆ สุดท้ายมีโอกาสสัมภาษณ์ทางด้านคุณแม่ แม่ก็ยินดีเราก็ยินดี แต่พอผ่านไปหลังจากนั้น 4 เดือน มามีปัญหาเรื่องนี้ มาต่อว่าพี่" 

"แต่หลัง ๆ รู้สึกว่า มันล้ำเส้นไปนิดนึง มาด่ากรรชัยเจ้าชู้ หิวเงิน พี่ไม่ติดใจ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ด่าเอง แต่นี่ให้เด็กมาพูด เด็ก 8 ขวบอายุเท่ากับลูกสาวเรา รู้สึกว่าเด็กคนนี้จะรู้ได้ไงว่าเจ้าชู้มาก่อน อยู่ดี ๆ มาใช้คำพูดคำนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะพูดมันต้องมีอะไรอยู่ข้างหลังแน่ ๆ สงสารน้อง อยากให้น้องได้ใช้ชีวิตวัยเด็กจริง ๆ" 

 

"เราคนไทยนับถือศาสนาพุทธ อย่างน้อย ๆ ทุกคนต้องรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดตามหลักของศาสนามาจากพระสูตร พุทธประวัติมาจากพระสูตรซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎก พระสูตรมีการสอนแบบนี้ พระไตรปิฎกสอนแบบนี้ แต่วันนึงมีคนกลุ่มมาบิดเบือน แล้วต่อไปในอนาคตจะทำยังไง"

นอกจากนี้ "หนุ่ม กรรชัย" ยังได้ทิ้งท้ายถึงเรื่องคดีความว่า

"หลังจากที่เค้าออกมาด่าพี่ โดยที่มีพ่อแม่เขานั่งอยู่ด้วย ด่าพี่ ใช้คำดูหมิ่น ดูหมิ่นบริษัท เรื่องนี้แจ้งความไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอกใคร แจ้งแบบดำเนินคดีด้วย แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนตัวของพี่ที่เขาด่าพี่ และส่วนของบริษัทที่ด่ารายการ คนที่โดนก็คือฝ่ายกฎหมายของเขา พ่อแม่และตัวเด็ก แต่ตัวเด็กคงไม่โดน พ่อแม่เป็นผู้สนับสนุน พี่แจ้งหมด หลังจากนั้นเขาก็เลยไปฟ้องร้องพี่ พูดถึงเรื่องมาออกรายการ ยินดี ถ้ากล้ามาออกรายการก็มาเลย ก็ดีนะถ้าอยากมาพูด จะมาก็มานะ มาได้ ถามแค่คำเดียว กล้าหรือเปล่า กล้าก็มาก็รออยู่"

"ทาง พม. ต้องบอกเลยว่าก่อนหน้านี้เราเองประสานไปทาง พม. หลายครั้ง ทาง พม. เองถือพรบ. คุ้มครองเด็กเอาไว้หลายฉบับ จริง ๆ แล้วพี่บอกเลยว่าเรื่องของการเอาเด็กออกมาพูดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ แล้วมีการบริจาคเงินเพื่อไปทำบุญ อันนี้มันไม่ได้ ล่าสุด พม. เข้าไปก็เหมือนไปโดนเทศนา ทางพม. เองก็ต้องมีความจำเป็นที่ต้องพึ่งกระบวนการทางศาล เพื่อให้ศาลแยกเด็กออกมาเพื่อให้ พม. เข้าไปพูดคุย"

"ทางสำนักพุทธก็ควรจะต้องแอ็คชั่นมากกว่านี้ จริง ๆ แล้วมันมีกฎหมายสงฆ์อยู่ ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับกฎหมายอาญาของเราที่ใช้กันอยู่ได้ สามารถไปแจ้งความหรือไปทำอะไรได้ ไม่ใช่ให้ประชาชนอย่างพวกพี่มานั่งแจ้งกันเอง อยากให้พุทธประวัติบิดเบือนเหรอ"

"พี่คงไม่ยอมความ อยากให้เขาดึงสติกลับมาสักนิดนึง อยากให้นึกถึงลูก ลูกจะโตไปแบบนี้มันไม่ได้ เขาต้องมีสังคมของเขา พ่อแม่มีสิทธิ์ที่จะชี้ทางได้แต่ไม่สามารถชี้นำได้ พี่ไม่ได้รังแกเด็ก ไม่ได้ทะเลาะด้วยกับผู้ใหญ่ เพียงแต่ต้องการปกป้องในมุมความถูกต้องและเรื่องศาสนาสำคัญ ไม่สามารถปล่อยให้ลูกหลานเราโตขึ้นมาในศาสนาพุทธที่มีลัทธิอื่น ๆ เข้ามาแทรกแซง"