"ลุกซ์ ชาญวิทย์" เผย ชีวิตในเรือนจำ "ใบเตย-แมน" สิ่งแรกที่ถามหาคือ?

ล่าสุดลุกซ์โพสต์ภาพครอบครัว แท็กไปหาไอจีพี่ใบเตยกับพี่แมนด้วย ?

"มันเป็นกิจกรรมของครอบครัวที่เคยทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเวทมนต์ แท็กให้พ่อกับแม่เขาทราบ เผื่อว่าวันนึงเขามีโอกาส เขาจะได้เห็นน้องพัฒนาการยังไงบ้าง ที่ผ่านมาเราทำอะไรบ้าง"

สภาพจิตใจ ?

"ทางครอบครัวดีขึ้นเป็นลำดับ คุณแม่อยู่ต่างจังหวัด แต่คุณพ่ออยู่ด้วยกัน ส่วนบ้านพี่แมน คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ทุก ๆ ท่านรู้สึกดีขึ้น มันผ่านเวลามาเกือบเดือนแล้วเรื่องใบเตยพี่แมน ลุกซ์ก็คอยประสานทุกคนให้กลับมาเข้มแข็ง ให้มาสู้เพื่อพี่เตยพี่แมน" 

ไปเยี่ยมพี่เตยพี่แมนทุกวันเลย ?

"ไปทุกวัน แรก ๆ ก็เสียใจกันหมด ในนั้นเขาอยู่กันแบบผู้ต้องหาทั่วไป แรก ๆ ทำใจกันยากนิดนึง ตอนนี้เขาก็คุยพยายามมองหาสิ่งดี ๆ ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น เหมือนทั้งคู่ก็ดีขึ้น ไปทุกครั้งคำถามแรกของทั้งสองคน ก็จะถามหลานเป็นยังไง หลานทำอะไร เขาถามหามั้ย เราก็บอกตามตรง ๆ ถามทุกวัน ส่วนหลานเหมือนเขาเห็นอะไรบางอย่างของพี่เตยพี่แมน เขาก็ถาม เขาจะรู้ เขาจะจำได้ เราจะบอกว่าไปต่างประเทศบ้าง ไปทำงานบ้าง พอถามเสร็จปุ๊บ เขาก็สตั้นไปพักนึงแล้วไปเล่นต่อ บางทีเขาเล่น TikTok หรือยูทูบ เขาก็จะผุดขึ้นมาเลย อยากเจอ ตอนนี้เลยบอกที่บ้านว่าระงับไม่ให้เขาเล่นโซเชียล"

ตอนเราเข้าไปหาพี่เตยเขาห่วงอะไร ?

"เขาห่วงอย่างเดียวเลยคือหลานเท่านั้นเลย เขากลัวว่าหลานจะอยู่ได้มั้ย ทุกครั้งเขาจะถามลุกซ์ก่อนเลยว่า หลานอยู่ได้มั้ย น้องไหวมั้ย เมื่อเช้าก็ไปมา ก็ถามคำถามเดิม ลุกซ์ก็จะบอกว่าลุกซ์ไหวทุกวัน เหนื่อยทุกวันก็สู้ ความเหนื่อยมันมีอยู่แล้วแต่ว่าไม่เป็นไร ยินดีทำให้ เต็มใจทุกวัน ไม่ต้องเป็นห่วง"

หลานร้องไห้มั้ยเวลาถามหาพ่อแม่ แล้วไม่ได้เจอ ?

"เขาไม่ร้อง แต่ลุกซ์ร้อง นี่คือเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ลุกซ์พาหลานไปอยู่กับคุณแม่ที่ใต้ หลังเจอเรื่องพี่เตยปุ๊บ เรากลับบ้านมา เราเห็นหน้าหลานทุกวัน ลุกซ์ร้องไห้ทุกวัน รู้สึกคิดถึงแม่เขา รู้สึกว่ามวลสารในบ้านไม่ค่อยดี เลยขอแม่ว่าให้แม่ไปอยู่กับหลานก่อน เพราะเราเหมือนเป็นคนส่งพลังลบ เราไม่ไหว เลยให้เขาไปอยู่ด้วยกันก่อนที่ใต้ ซึ่งแม่ดูแลหลานได้ดี จนกระทั่งลุกซ์พร้อม เสร็จเรื่องงานศพแฟนแล้ว ลุกซ์ก็ไปพาเขากลับมา เราเคยร้องไห้แล้วหลานเห็น เขาจะสตั้นไปเลย แล้วมาจับเราถามว่าน้าลุกซ์เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ปกติลุกซ์ว่าลุกซ์เข้มแข็งมาก แต่พอเป็นหลานลุกซ์ไม่เข้มแข็งเลย จะเดินไปที่อื่นเลย คนที่อยู่ด้วยกันก็จะช่วยพาหลานไปเล่นตรงนั้นตรงนี้"

ตอนนี้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว ?

"ไปรับมาแล้ว เพราะว่าเข้มแข็งขึ้น"

ได้เจอฝั่งคุณแม่พี่แมนบ้างมั้ย ?

"เจอ เวลาไปเยี่ยมก็ไปด้วยกัน บางทีที่ทัณฑสถานถ้าญาติเยี่ยมเยอะ บางทีต้องแยกกัน ลุกซ์ไปเยี่ยมพี่เตย แม่ป๋องไปเยี่ยมพี่แมนในเวลาเดียวกัน ฝั่งผู้ชายเขาจะใช้เวลาสักพักนานหน่อย แม่ป๋องเลยจะมาเยี่ยมพี่เตยน้อยหน่อย แต่ก็ส่งกำลังใจให้กันตลอด"

แม่ป๋องโอเคแล้ว ?

"ดีขึ้น ๆ" 

แม่ป๋องเคยบอกว่าต่อให้รู้สึกอะไรก็จะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น ?

"ถ้าร้องไห้ก็ร้องไห้กับลุกซ์นี่แหละ เพราะเราไปด้วยกัน ต่างคนต่างเยี่ยม พอกลับมาเจอกัน อย่างลุกซ์หนักหน่อยเราเห็นแม่ป๋องทุกครั้ง เราร้องไห้มากเหมือนกัน หนูได้บอกแกไปล่าสุด กอดกันเลยว่าแม่หนูเสียใจมากเลย ที่วันนี้แม่ในวัยนี้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แล้วยังต้องทำอะไรแบบนี้อยู่ แม่ควรได้พักผ่อนแล้ว แม่ควรได้อยู่กับหลานโดยที่ไม่ต้องคิดมากอะไร แล้วทุก ๆ ครั้งที่ไป ขับรถไปทัณฑสถาน แกต้องแยกไปทำภารกิจ บางทีแกต้องเดินไปคนเดียวเพราะมันไม่ทันจริง ๆ รู้สึกสงสารมาก นึกถึงถ้าเป็นแม่เราคงลำบากเหมือนกันกับสภาพจิตใจแก"
 
ต้องปรับตัวมากแค่ไหนที่อยู่ดี ๆ ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ?

"ถึงตอนนี้ยังทำไม่ได้เต็มที่แบบ 100% โดยเฉพาะเรื่องหลาน ก่อนหน้านี้ลุกซ์ไปเล่นกับเขาบ่อย รู้สึกว่าดูแลเขาได้ พี่เตยกับพี่แมนเจอเรื่องนี้มา 9 เดือน รู้สึกว่าเราได้สร้างความเข้มแข็ง อาจจะมีวันนี้เกิดขึ้น รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นหน้าที่เรา แต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันทำไม่ได้ ตอนที่เป็นน้ารู้สึกสบายใจกว่า แล้วเขารู้สึกสนุกกับเรามาก พอวันนึงสถานะเปลี่ยน ต้องมาเป็นผู้ปกครองหลาน เหมือนทั้งเขาและเราปรับตัวกันไม่ได้ สุดท้ายสายใยของพ่อแม่ก็คือพ่อแม่ เราเป็นน้า เราก็ทำหน้าที่เป็นน้า มันได้แค่นั้นจริง ๆ นะ ทุกวันนี้ลุกซ์ยังรู้สึกเลย ลุกซ์ทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ลุกซ์ไม่ได้อยู่บ้านนี้ พอวันนี้ลุกซ์มาปุ๊บเขาจะสงสัย เขาจะถามว่าเราขึ้นไปนอนห้องแม่เตยเหรอ มาทำอะไร เราจะบอกน้ามานอนห้องแม่ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ชินกับการอยู่บ้านพี่เตยพี่แมน ในบ้านเขายังมีรูปภาพเขาอยู่ ลงมาก็เจอหลาน มันเหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด หนูไม่ได้พร้อมจริง ๆ ณ ตอนนี้ก็ไม่พร้อมแต่มันต้องทำ แล้วคงต้องใช้เวลาคุ้นชินไปกับมัน"

มันก็เหมือนมรสุมชีวิตเรื่องใบเตยดีเจแมน แล้วมาเรื่องที่สูญเสียคนรัก ?

"ใช่ แฟนเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 4  พฤษภาคม ปกติเขาจะกลับมาบ้านตอน 6 โมง เขาเป็นวิศวกรไฟฟ้า บางวันเขาเหนื่อย เขาจะหลับ 2-3 ทุ่มตื่นแล้วจะออกมาวิ่ง มีบางวันวิ่งเสร็จแล้วหิว ห้าทุ่มเที่ยงคืนไปกินบะหมี่แถวหมู่บ้าน วันนั้นลุกซ์คุยกับเขา ลุกซ์หลับตอน 4 ทุ่มกว่า ๆ บอกฝันดีอะไรเรียบร้อยแล้ว ได้รับข้อความ มาเห็นตอนรู้ว่าเขาเข้าโรงพยาบาลแล้ว เขาส่งมาตอน 23.59 ของวันที่ 3 บอกว่าวิ่งเสร็จแล้วนะ หลังจากนั้นเกือบตีหนึ่ง ญาติเขาโทรมาพี่ลุกซ์ไปดูพี่หน่อย เขาอยู่โรงพยาบาลคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ตอนแรกเราคิดว่ามิจฉาชีพหรือเปล่าที่โทรไปหาญาติ เพราะมันไม่ใช่เนเจอร์ที่เขาจะไปไหนเวลานั้น เราตกใจรีบแต่งตัวไปโรงพยาบาล สรุปคือเรื่องจริงเขาไม่ได้หมดสติเลย เขาโวยวายอยู่ในเตียง แต่เป็นการโวยวายที่ไม่ได้ลืมตาและไม่ได้โวยวายกับเราแล้ว รับรู้ได้เลยมีอุบัติเหตุทางสมองเกิดขึ้น โดนมัดทั้งมือเท้าหมดเพราะแกดิ้น แล้วพูดเรื่องงานทั้งหมดเลยเลือดก็มีไหลออกหู แต่ตรงสมองปิดแผลไว้แล้ว ที่เราตกใจเลยคือ ตอนนั้นคือรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่กับลุกซ์แล้วตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเราไม่ได้พูดกันด้วยความเข้าใจ เราไม่เข้าใจเขาแล้ว บอกเขาสิ่งที่เขาขอเกี่ยวกับงานว่าทำให้แล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะมีช่วงเย็นลง แล้วอยู่ดี ๆ ก็กลับขึ้นมาอีก"

พอผ่าคุณหมอบอกว่ามีโอกาสที่จะรอด 3 % ?

"หลังผ่าคุณหมอออกมาบอกว่าทำใจนะ สมองเขากระทบกระเทือนเยอะมาก เขาจะมีโอกาสกลับมาปกติแค่ 3% ตอนนั้นไม่ว่าหมอจะพูดอะไร หนูยังมีความหวังอยู่ 100% เรารู้แหละว่าวิทยาศาสตร์เขาพูดแบบนี้ แต่เราเชื่อปาฏิหาริย์ ลุกซ์มีความหวังไปเยี่ยมทุกวัน หลังจากนั้น 2-3 วันเลือดยังออกในสมองเยอะอยู่ หมอเลยผ่ารอบที่ 2 แต่พอหลังจากผ่ารอบแรกเสร็จแกหลับไปเลย หลังจากนั้นลุกซ์ไม่ได้ยินเสียงแกอีกเลย ผ่ารอบสองไปสักพักอาการก็ทรง ๆ ไม่ได้ดีขึ้น บางวันไม่ดีบางวันเท่าเดิม จนถึงวันสุดท้ายวันที่ 18 พฤษภาคม ลุกซ์ไปเยี่ยมปกติโดยที่ไม่ได้รับรู้ว่าแย่ลงหรืออะไร ไปถึงปุ๊บพยาบาลบอกเขาแย่ลงนะ สารที่ได้รับมา ลุกซ์หันไปถามหมอแค่คำเดียววันนี้ใช่มั้ย เขาพยักหน้า เขาบอกเรามาว่าให้ไปแจ้งคุณพ่อคุณแม่แฟนนะ เดี๋ยวเขาจะต้องตัดสินใจเรื่องใช้เครื่องปั๊มหัวใจหรือเปล่า เพราะต้องเป็นพ่อแม่ที่ตัดสินใจ เลยกลับไปบอกพ่อแม่เขา ทุกคนเห็นตรงกันว่าปั๊มแน่นอน เราอยากให้โอกาสเขาได้ใช้ชีวิต" 

"พอ 6 โมงเย็นได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกที ได้เจอหมอได้พูดคุย แล้วเห็นสภาพที่แย่ลงของเขามาก ๆ พ่อแม่เขาเลยตัดสินใจอีกแบบนึง คืนวันนั้นก็ค่อย ๆ ไป ตอนแรกคิดว่าทำใจได้ แต่ไปจริง ๆ กลายเป็นคนที่ทำใจไม่ได้ อยู่ดี ๆ ก็ยากที่สุด หันไปหาแม่หันไปหาพ่อ หันไปหาหมอ จริงเหรอ ทุกคนจะไม่ทำอะไรกันแล้วเหรอ ตอนนั้นหัวใจหล่นไปอยู่ที่พื้นเลย แล้วสักพักก็มีคนมากอดพาออกไปข้างนอก"

ที่มา : รายการคุยแซ่บShow