svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เตรียมตัว! เศรษฐกิจไทยปีหน้า ถึงเวลา "ดอกเบี้ยขาขึ้น"

เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวส่งผล ธปท. ผ่อนคลายมาตรการ ลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF fee) ให้กลับมาเก็บ ในอัตราเดิมปี 2566 โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารพาณิชย์ จะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ กลุ่ม M-Rate ราว 0.4%-0.6% กระทบต่อผู้กู้รายย่อย ที่มีสัดส่วนถึง 91% มากที่สุด

ตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา ไทยต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จนเกิดผลกระทบกันทุกภาคส่วน  กลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็เช่นกัน  จนทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.  ปรับลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF fee) จากธนาคารพาณิชย์ลงครึ่งหนึ่งเหลือ 0.23% ต่อปี จากเดิมในอัตรา 0.46%  ต่อปี เป็นการชั่วคร่าว

เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และ ลดต้นทุนทางการเงิน ของระบบธนาคาร ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กลุ่ม M-Rate ทุกชนิดของธนาคารขนาดใหญ่ ลดลง 0.4% ในคราวเดียว โดย ธปท. คาดว่าจะมีผู้ที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราเงินนำส่ง FIDF Fee ครอบคลุม ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ และ สินเชื่อรายย่อยจำนวนรวมกัน 1.38 ล้านราย ซึ่งมียอดหนี้คงค้างรวมกัน 5.57 ล้านล้านบาท

 

กลับมาที่ปัจจุบันแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น และ อัตราเงินเฟ้อสูงกว่ากรอบเป้าหมาย  ธปท. จึงมีแนวทางปรับขึ้น FIDF fee กลับไปสู่ระดับปกติที่ 0.46% ต่อปี ตั้งแต่ต้นปี 2566 ควบคู่ไปกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2565

ด้านนายชัยสิทธิ์ อนุชิตวรวงศ์  นักวิเคราะห์ จากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ได้ประเมิน การสิ้นสุดมาตรการลด FIDF fee  ในครั้งนี้ว่า จะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินในระบบธนาคารเพิ่มขึ้นประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผ่านไปยัง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กลุ่ม M-Rate ที่อาจจะเพิ่มขึ้นราว 0.4%-0.6% ได้ในคราวเดียวเช่นกัน

ผลที่ตามมา คือ อัตราดอกเบี้ย จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการปรับ FIDF Fee และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า ภาคธุรกิจและประชาชนจะมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและรายย่อยที่จ่ายดอกเบี้ยอิงกับอัตราดอกเบี้ย MRR ซึ่งมีสัดส่วนจำนวนรายลูกค้ารวมกันสูงถึง 90%

นายชัยสิทธิ์ อนุชิตวรวงศ์  นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย

 

โดยที่ผ่านมา กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์จากมาตรการปรับลดอัตราเงินนำส่ง FIDF fee  ตามประเภทดอกเบี้ยจากจำนวนลูกหนี้และยอดหนี้ในระบบทั้งหมด ไดแก่ กลุ่ม สินเชื่อธุรกิจ MLR  สัดส่วนลูกหนี้คิดเป็น 5% สัดส่วนหนี้ 38% , สินเชื่อธุรกิจ MOR สัดส่วนลูกหนี้ 5%  มีสัดส่วนหนี้ 9% , สินเชื่อธุรกิจ MRR สัดส่วนลูกหนี้ 19% มีสัดส่วนหนี้10% และ สินเชื่อรายย่อย MRR มีสัดส่วนลูกหนี้ 71% สัดส่วนหนี้ 43%

เตรียมตัว! เศรษฐกิจไทยปีหน้า ถึงเวลา "ดอกเบี้ยขาขึ้น"

แม้ ธปท. ต้องการให้อัตราดอกเบี้ย ในระบบเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องไปกับทิศทาง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การฟื้นตัวนั้น ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงผู้กู้ในทุกกลุ่ม ซึ่งอาจจะทำให้มีความเสี่ยง ต่อการชำระหนี้ในอนาคต ที่ผู้กู้จะต้องวางแผนการเงิน ที่รัดกุมให้มากกกว่าเดิม

“ธนาคารพาณิชย์ ต้องให้ความช่วยเหลือ แก่ลูกหนี้ในการปรับโครงสร้างหนี้ และ ลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เพื่อให้สามารถกลับมาพลิกฟื้น และ เข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้ง ให้ความสนับสนุนเงินทุน แก่ภาคธุรกิจในการปรับตัว และ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับบริบทโลกใหม่ และ เติบโตได้อย่างยั่งยืน" นายชัยสิทธิ์ กล่าว