ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวดิจิทัลโพสต์ไอดีใช้แทนรหัสไปรษณีย์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ระบุ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เร่งขับเคลื่อนเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับนวัตกรรมดิจิทัลตามแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลมีแนวคิดในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการระบุข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ให้เป็นที่อยู่ดิจิทัล หรือ “ดิจิทัลโพสต์ไอดี : Digital Post ID” โดยไปรษณีย์ไทยพัฒนาต่อยอดจากรหัสไปรษณีย์ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งให้มีความสามารถระบุตำแหน่งด้วยรหัสดิจิทัลโพสต์ไอดีที่สามารถถูกแปลงเป็นพิกัดที่อยู่ของประชาชนภายในประเทศไทยได้ถึงระดับครัวเรือน สามารถรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว ของข้อมูลส่วนบุคคลของภาคประชาชน

นอกจากนี้ ดิจิทัลโพสต์ไอดียังสามารถเชื่อมโยงไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ได้ เช่น การพัฒนาเส้นทางขนส่ง การป้องกันการปลอมแปลงตัวตน การเงินและการธนาคาร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาดิจิทัลโพสต์ไอดี อยู่ระหว่างการทดสอบระบบและรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ ระบุ ไปรษณีย์ไทยได้เตรียมปรับเปลี่ยนรูปแบบการระบุข้อมูลตำแหน่งที่อยู่เดิมให้เป็นที่อยู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลโพสต์ไอดี โดยต่อยอดจากการใช้รหัสไปรษณีย์ 5 หลัก ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2525 มาแปลงเป็นพิกัดที่ตั้งด้วยหลักการทำงานเดียวกับระบบการหาตำแหน่งบนพื้นผิวโลก หรือ GPS

โดย 1 คน สามารถมีได้หลายที่อยู่ และสามารถเปลี่ยนแปลงที่อยู่ชั่วคราวในระบบได้เมื่อจำเป็นต้องเดินทางไปต่างพื้นที่ จากเดิมรหัสไปรษณีย์ 5 หลักจะบอกได้ถึงเขตพื้นที่เท่านั้น แต่ดิจิทัลโพสต์ไอดีจะระบุได้ถึงพิกัดตำแหน่งด้วยการปักหมุด ทำให้สามารถระบุที่อยู่สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคารสูงได้แม่นยำยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลบนจ่าหน้า ป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งที่ถูกต้อง แม่นยำ โดยภายในปี 2567 คาดว่าประชาชนจะมีรหัสดิจิทัลโพสต์ไอดีของตนเองที่จำได้ง่ายมาแทนการเขียนจ่าหน้าแบบเดิมพร้อมกันทั่วประเทศ

ในอนาคตที่ทำการไปรษณีย์หรือผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะมีเครื่องพิมพ์ฉลากในรูปแบบ QR Code ที่เป็นดิจิทัลโพสต์ไอดีแปะบนกล่องพัสดุ หรือซองเอกสาร โดยผู้รับและผู้ส่งมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่หลุด เนื่องจากบนจ่าหน้ากล่อง/ ซอง จะไม่ปรากฏข้อมูลส่วนบุคคล ต้องใช้แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์อ่าน QR Code เท่านั้น ถึงจะโชว์ข้อมูลผู้รับ – ผู้ส่ง และ QR Code จะเป็นแบบใช้งานได้ครั้งเดียวเท่านั้น รวมถึงจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ตามหลักการของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ ยังจะทำให้มั่นใจในการสั่งซื้อสินค้า e-Commerce ได้มากขึ้น เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งสินค้าทั้งหมดได้อย่างแม่นยำอีกด้วย