
11 ธันวาคม 2568 เวลา 05.30 น. แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทยแล้ว 2 จุด คือ เนิน 500 ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และชายแดนฝั่งบ้านโกมุย ทิศใต้ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ขณะที่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชา ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพไทย โจมตีในพื้นที่ปราสาทตาควาย และอ้างถึงการโจมตีของฝ่ายไทยสร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหาร ว่า ประเทศไทยยึดมั่นใน อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954 ว่าด้วยกรณีความขัดแย้งทางอาวุธ ซึ่งกำหนดให้โบราณสถาน ต้องได้รับการคุ้มครอง และห้ามการโจมตีหรือการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้ชัดเจนหากมีการนำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี พื้นที่ดังกล่าวอาจสูญเสียความคุ้มครองในทางกฎหมายเป็นการชั่วคราว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร
ดังนั้น เมื่อฝ่ายกัมพูชาตั้งใจใช้อาณาบริเวณโบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงใช้เป็นที่ตั้งระบบตรวจการณ์ และที่ตั้งระบบอาวุธยิงเพื่อใช้โจมตีต่อฝ่ายไทย ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเข้าข่าย เป็นพื้นที่ที่ “สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว” ตามอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954
ซึ่งกรณีพื้นที่ปราสาทตาควาย และ พื้นที่ปราสาทพระวิหาร ถูกฝ่ายกัมพูชานำมาใช้เพื่อการปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้เป็นที่ตั้งระบบอาวุธยิง เป็นคลังเก็บกระสุนวัตถุระเบิด และทุ่นระเบิด สำหรับใช้โจมตีทำร้ายฝ่ายไทย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพปรากฏให้เห็นอยู่ตามสื่อโซเชียลได้ทั่วไป จึงควรเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดกฎหมายมนุษยธรรม และทำผิดกติกาสากลเอง รวมถึงเป็นฝ่ายที่ไม่เห็นคุณค่าในมรดกทางวัฒนธรรม
ฝ่ายไทย จึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะ ปกป้องภัยคุกคามเหล่านั้นได้ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วน ตามหลักกติกาสากล เป็นไปตามความจำเป็น เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ