
8 ธันวาคม 2568 พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตรองเจ้ากรมพระธรรมนูญ ให้ข้อมูลว่า
พล.อ.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์
- กฎการใช้กำลังกองทัพไทย ระบุอยู่ใน ข้อ 17 แห่งข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการใช้กำลังทหาร การเคลื่อนกำลังทหาร และการเตรียมพร้อม พ.ศ. 2545
“การใช้กำลังทหารหรือใช้อาวุธตามข้อบังคับนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาของทหารกำหนดกฎการใช้กำลัง หรือแนวทางการใช้อาวุธให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ”
“แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับหน่วยทุกระดับและกำลังทหารทุกนายในกองทัพ
ไทยในการใช้กำลังทหารปฏิบัติการเพื่อป้องกันตนเอง และเพื่อให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบ ตั้งแต่ในยามปกติจนถึงเมื่อมีความขัดแย้งด้วยอาวุธขึ้นและในยามสงคราม ทั้งนี้ โดยสอดคล้องกับแนวนโยบายด้านความมั่นคงภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง”
คำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 59/50 ลงวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2550 เรื่อง กฎการใช้กำลังของกองทัพไทย
คำนิยามทางวิชาการเรียบเรียงใหม่
“แนวทางการใช้กำลังซึ่งรวมถึงการใช้อาวุธที่ผู้บังคับบัญชากำหนดขึ้นสำหรับการปฏิบัติการทางทหาร ทั้งที่เป็นการรบการสงคราม และการปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม โดยอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายทางการเมืองและนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ
โดยนำเอาวัตถุประสงค์และภารกิจทางทหารรวมทั้งภัยคุกคามมาพิจารณาด้วย เพื่อเป็นกลไกที่สำคัญในการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาว่า สามารถใช้กำลังได้เมื่อไร และเพียงใด โดยมีระดับ วิธีการ และข้อจำกัดอย่างไร”
คำนิยามโดยสังเขป
“แนวทางการใช้กำลังหรืออาวุธที่ผู้บังคับบัญชาทหารกำหนดขึ้นภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบว่าจะใช้กำลังหรือใช้อาวุธตอบโต้สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิด
ขึ้นอย่างไร”
ความมุ่งหมาย
1. เป็นแนวทางการใช้กำลังทหาร ในการป้องกันตนเองและการใช้กำลังเพื่อบรรลุภารกิจ
2. ใช้เป็นกรอบในการกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติที่ใช้ควบคุมการปฏิบัติการของ
ผู้บังคับหน่วย ในสถานการณ์ปกติและไม่ปกติ
3. ให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจในการใช้กำลังได้อย่างสอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายของทางราชการ
4. ป้องกันการใช้กำลังหรือการปฏิบัติการที่เกินกว่าเหตุ และป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่จะเกิดแก่หน่วยทหารฝ่ายเรา
5. ป้องกันมิให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนอันเนื่องมาจากการปฏิบัติการทางทหาร
ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาทหารและหน่วย
ให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับและกำลังทหารทุกนายในกองทัพไทยปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎการใช้กำลัง ตระหนักว่าการไม่ปฏิบัติตาม นอกจากทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศและกองทัพ อาจบ่อนทำลายความสำเร็จของภารกิจ ยังอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ
โดยจะต้องจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎการใช้กำลังให้แก่กำลังพลของหน่วยในทุกระดับเป็นประจำ
ความจำเป็นและประโยชน์
1. เครื่องมือบังคับบัญชา
2. แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
3. ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพล
4. สร้างความมั่นใจแก่กำลังพล
5. หลักประกันอยู่ในกรอบของกฎหมาย
6. เสริมสร้างภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี
7. ดำรงความเชื่อมั่นของคู่พิพาทและประชาชนว่ามิได้ปฏิบัติการตามอำเภอใจ
ข้อสังเกต
ในอดีตใช้คำว่า “กฎการปะทะ” หรือ “กฎการโจมตี” แต่ปัจจุบันคำที่เป็นทางการ คือ
“กฎการใช้กำลัง”
สรุป กองทัพไทยโดยกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เป็นกองทัพมืออาชีพ
(Professional) ปฏิบัติภารกิจภายใต้กรอบกฎหมายทั้งกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยึดถือ “กฎการใช้กำลัง” ซึ่งเป็นหลักสากลเป็นแนวทางการใช้กำลังรวมทั้งการใช้อาวุธที่ชัดเจน เสริมสร้างภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี